tag:blogger.com,1999:blog-67764641337354677032024-03-13T23:04:55.659+07:00My Inspiration For LifeWin Winhttp://www.blogger.com/profile/05985590215298561678noreply@blogger.comBlogger29125tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-67835253110479952942015-06-07T13:54:00.000+07:002015-06-07T14:40:33.339+07:005 ข้อคิดจาก Mark Zuckerberg ที่จะทำให้คุณฮึดสู้กับฝันที่ยากจะไปถึง<br /><br /><div style="text-align: justify;">
Mark Zuckerberg หนึ่งในบุคคลอายุน้อยที่รวยที่สุดในโลก โดยภายในอายุ 23 เขาก็กลายเป็นเศรษฐีไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อนที่ Facebook เริ่มก่อตั้งขึ้น และจนถึงปัจจุบันนี้ เขาอายุ 35 ปี กับรายได้สุทธิของเขาที่มีมากถึง 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.1 ล้านล้านบาท </div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-ztIN4qyZnVI/VXP1D-Z8IAI/AAAAAAAAAlg/BzvmsZNlUWc/s1600/mark-zuckerberg.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-ztIN4qyZnVI/VXP1D-Z8IAI/AAAAAAAAAlg/BzvmsZNlUWc/s1600/mark-zuckerberg.png" /></a></div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
Mark Zuckerberg สร้างเฟซบุ๊กขึ้นมาตั้งแต่เขาเรียนอยู่ที่ฮาวาร์ด แต่สุดท้ายเขาตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างเฟซบุ๊กอย่างจริงจัง เขาต้องการคิดค้นวิธีการติดต่อสื่อสารใหม่ๆ ให้คนทั่วโลก และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เฟซบุ๊กก็กลายเป็นเว็บโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่นิยมมากที่สุดเช่นกัน โดยมีผู้ใช้มากกว่า 1 พันล้านคนเกือบจะ 2 พันล้านแล้วนะ ซึ่งถือเป็นการเชื่อมต่อคนทั่วโลกเข้าด้วยกัน ผ่านวิธีการสื่อสารที่ไม่เคยมีมาก่อน </div>
<div style="text-align: justify;">
</div>
<a name='more'></a><br />
<div style="text-align: justify;">
ซึ่งเรื่องราวของ Mark นั้น จะทำให้คุณรู้ว่า อายุไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย ที่จะทำให้คนคนนึงไล่ล่าตามความฝัน และเอาชนะอุปสรรคเบื้องหน้า เรามาดู 5 ข้อคิดของ Mark Zuckerberg CEO Facebook พร้อมๆ กันเลยดีกว่าครับ </div>
<ol style="text-align: justify;">
<li><b>คุณต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างเร็ว อาจมีบางสิ่ง ต้องเสียหายไปบ้าง เพราะถ้าไม่มีอะไรเสียหาย นั่นเป็นเพราะคุณยังไม่เร็วพอ</b>
หากคุณมีความมุ่งมั่นอยู่แล้ว อย่ามัวแต่รอคนอื่นๆ ถ้าเขาไม่เห็นด้วยกับคุณ คุณจงวิ่งไปสู่เป้าหมายของคุณ อย่าหยุด อย่าจำกัดขีดความสามารถของตนเอง มันย่อมมีคนที่ไม่อยากมองเห็นคุณประสบความสำเร็จอยู่แล้ว
แต่คุณแค่อย่าไปสนใจ เท่านั้นเอง และหากปัจจัยบางอย่างที่คุณมี มันเป็นอุปสรรค ก็ทำลายมันเสีย เพราะบางทีมันก็เก่าแก่เกินจะเก็บไว้ก็เป็นได้ การสร้างประวัติศาสตร์ คือการทำลายของเดิมลง และสร้างสิ่งใหม่ที่คนอื่นคาดไม่ถึง นั่นล่ะ ที่เรียกว่าความสำเร็จ <br /> <b><br /></b></li>
<li><b>เป้าหมายของผมไม่เคยคิดว่าจะเปิดบริษัทเพื่อหาเงินเท่านั้น คนมักเข้าใจผิด เป้าหมายจริงๆ ของผมในตอนนั้น คือสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกของเราครั้งยิ่งใหญ่ต่างหากล่ะ</b>
หากคุณคิดแต่เรื่องเงิน คุณก็มักจะลงเอยกับงานประจำที่จ่ายเงินคุณเท่ากันทุกๆ เดือน แต่คนส่วนมากที่ประสบความสำเร็จ เขาเสี่ยงทุกอย่าง เพื่อสู้จนพวกเขาเดินมาถึงทุกวันนี้ เพราะสิ่งที่เขารู้ก็คือ เงิน คือภาพลวงตา ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่พวกเขาต้องการสร้างชื่อมากกว่า
ซึ่งแน่นอนว่า ในโลกนี้ก็ยังมีคนรวยอีกหลายคน ที่คิดถึงแต่เรื่องของตัวเอง ซึ่งคนเหล่านี้ หากจากโลกนี้ไป ก็ไม่มีใครจำได้ เพราเขาไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรไว้ให้กับโลกเลยแม้แต่น้อย <br /><b><br /></b></li>
<li><b>ส่วนตัวผมคิดว่า ผมชอบอยู่ใกล้ๆ หรือทำงานกับคนที่ชอบประเมินผมต่ำเกินกว่าความเป็นจริง เพราะมันทำให้ผมมีพลังที่จะสู้ และพิสูจน์ความจริงให้พวกเขาทึ่ง ว่าพวกเขาคิดผิด</b>
คนที่มีความฝันอันยิ่งใหญ่ มักมีคนที่ไม่เชื่อ สงสัย และปรามาสเป็นธรรมดา จงต้อนรับพวกเขา เพราะนั่นแหละคือแหล่งพลังงานชั้นดี ที่ทำให้คุณมีแรงสู้ สู้เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาคิดผิด จำไว้เสมอว่า เราควบคุมความคิดคนอื่นไม่ได้ แต่เราควบคุมวิธีที่เราจะโต้ตอบความคิดของคนเหล่านั้นได้ มันคือทางเลือกของเราเองทั้งนั้น
และเมื่อคุณสำเร็จแล้ว คุณก็สามารถกลับไปหาคนที่ไม่เชื่อคุณในตอนแรก และขอบคุณพวกเขา ที่พวกเขาคือสิ่งที่ทำให้คุณสำเร็จในวันนี้ เพราะฉะนั้นจงรู้จักขอบคุณ <br /></li>
<li><b>อาจจะฟังดูเน่าไปหน่อย แต่ผมอยากเปลี่ยนสังคมให้เปิดกว้างมากขึ้น และการเปิดกว้างให้สังคมนั้น มันไม่สามารถเกิดขึ้นชั่วข้ามคืนหรอกนะ มันใช้เวลาเป็น 10-15 ปี</b>
จำไว้ว่า ความอดทนคือกุญแจสำคัญของทุกสิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนโลก ยิ่งต้องใช้เวลานาน
อย่างเช่นเรื่องราวของ Nelson Mandela ที่ต้องใช้เวลาในคุกถึง 27 ปี จนเขาสามารถก้าวออกมา และกลายเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของแอฟริกาใต้ นี่คือตัวอย่างที่สำคัญมากของการสร้างสิ่งดีๆ ให้กับโลก เพราะฉะนั้น ความสำเร็จมันยาก เพราะฉะนั้นจงอดทนและแน่วแน่อยู่เสมอ <br /></li>
<li><b>ความเสี่ยงที่สูงที่สุด คือการไม่เสี่ยงอะไรเลย และการไม่เสี่ยงอะไรเลยเนี่ยแหละ ที่เปรียบเสมือนการการันตีสู่ความล้มเหลว</b>
สิ่งที่อินเทอร์เน็ตเชื่อมโลกได้ในวันนี้ เมื่อ 50 ปีก่อน คงไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้นจริงได้ เพราะฉะนั้น โลกมันหมุนไปเร็วกว่าที่คิด และถ้าคุณไม่คิดจะเสี่ยงอะไรเลย คุณก็จะล้าหลังไปอย่างนั้น
คุณไม่จำเป็นที่จะต้องรู้หรอกว่า จะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า มันจะสำเร็จมั้ย มันจะเกิดอะไรขึ้น แค่คุณทำวันนี้ให้ดีที่สุด ลองเสี่ยงเพื่อความฝันของคุณดู ดีกว่าไม่เสี่ยงอะไรเลย เพราะบางที มันอาจจะสบาย ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย เราอยู่เฉยๆ เราก็มีงานทำ แต่ถ้าเราไม่กล้าที่จะเปลี่ยน ความฝัน ก็ยังคงเป็นได้แค่ความฝันอยู่วันยังค่ำ เพราะฉะนั้น ความกล้า คือสิ่งที่สำคัญที่สุด</li>
</ol>
WinWinhttp://www.blogger.com/profile/10523524193155070750noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-53902848194018910992014-10-20T18:00:00.000+07:002014-10-21T12:07:17.495+07:00"ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ" จากเด็กเร่ร่อน เด็กเก็บขยะ จนเป็นด๊อกเตอร์<div style="text-align: justify;">
จากเด็กเหลือขอ เด็กเร่ร่อน เคยลักกินขโมยกิน ไม่ยอมเรียนหนังสือ อาศัยกินข้าวเหลือก้นจานตามร้านข้างทาง เดินเก็บขยะ เพื่อหาเศษเงินประทังชีวิต จนจบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากประเทศญี่ปุ่น และเป็นอาจารย์สอนที่คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี "<b>ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ</b>"<br />
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-1jt6uGbIhyo/VEPR5808aEI/AAAAAAAAAvc/A9ychbZoTrI/s1600/kulachat.png" width="500" /></div>
<br />
<br />
<div style="text-align: justify;">
ผลจากการที่ครอบครัวแตกแยก ภายหลังกลับกลายเป็น “<b>ดอกเตอร์</b>” สำเร็จปริญญาเอกสาขาเทคโนโลยีการขึ้นรูปโลหะ จาก <b>Nippon Institute of Technology</b> ประเทศญี่ปุ่น ด้วยวัย 34 ปี “<b>ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ</b>” ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ย้อนชีวิตให้ฟังว่า ตอนเกิดก็มีพี่สาว 2 คน พี่ชาย 1 คน คือก่อนที่พ่อแม่จะมาเจอกัน ต่างฝ่ายต่างมีลูกมีครอบครัวกันมาก่อน ส่วนพี่น้องพ่อแม่เดียวกันก็มีตนเองและน้องสาวหนึ่งคน แล้วภายหลังพ่อแม่ก็แยกทางกัน ต่างฝ่ายต่างก็ไปมีครอบครัวใหม่กันอีก เขาและน้องสาวอยู่กับแม่ และแม่ก็มีน้องชายอีกคน รวมพี่รวมน้องแล้วก็หลายคน แต่ตอนหลังก็เหลือกันเพียงพี่น้องรวม 4 คน คือมีพี่ชาย น้องสาว น้องชาย และ <b>ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ</b></div>
<div style="text-align: justify;">
<b></b></div>
<a name='more'></a><br />
<br />
<div style="text-align: justify;">
"อาชีพของแม่คือเก็บเศษขยะที่สามารถขายได้เอาไปขาย ผมกับแม่ก็เคยเดินคุ้ยเขี่ยหาเศษขยะที่มีค่าไปขายด้วยกัน ตั้งแต่ผมอายุประมาณ 7 ขวบ จนปัจจุบันนี้แม่ผมก็ยังทำอาชีพนี้อยู่เหมือนเดิม" ดร.กุลชาติ เล่าให้ฟังอีกว่า เดิมทีแม่ไม่ได้ทำอาชีพเก็บขยะ เป็นแม่บ้านอยู่บ้านคอยเลี้ยงลูก ๆ ส่วนพ่อมีอาชีพขับรถทัวร์ปรับอากาศ สายกรุงเทพฯ-ชุมพร พ่อไปทำงานแต่ละครั้งใช้เวลา 2-3 วันถึงจะได้กลับบ้าน จำได้ว่าทุกครั้งที่พ่อกลับมาบ้านจะมีขนมที่เหลือแจกผู้โดยสารบนรถทัวร์มาฝากให้ลูก ๆ ได้กินเสมอ ช่วงเวลานั้นเป็นภาพความทรงจำที่ดีเสมอเวลาที่ตนเองคิดถึงพ่อ และส่วนตัวก็เห็นว่าตอนนั้นก็อยู่กันในครอบครัวอย่างมีความสุขดี
"หลังจากนั้น พ่อเริ่มออกไปทำงานนานขึ้น หายไปเป็นอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ถึงกลับบ้าน และกลับมาอยู่บ้านได้วันเดียวก็ออกไปต่ออีก จนแม่ต้องออกตามหาพ่อว่าพ่อไปพักอยู่ที่ไหนบ้าง ตอนนั้นพี่ชายและพี่สาวผมเรียนชั้น ม.1-ม.2 กันอยู่ ช่วงที่แม่ขึ้นมาตามหาพ่อที่กรุงเทพฯ แม่ให้พี่ทั้งสองคนพาผมและน้องสาวไปโรงเรียนด้วย และนั่งในห้องเรียนของพี่ด้วย และด้วยความเป็นห่วงของครูประจำชั้น เขาจึงพาผมและน้องสาวไปฝากเรียนกับชั้นอนุบาลของโรงเรียนทุกวันที่พวกพี่ ๆ ผมไปโรงเรียน พอกลับบ้านพวกพี่ ๆ ก็จะคอยดูแลหาอาหารให้น้อง ๆ กิน"<br />
จากนั้นแล้วชีวิตของ <b>ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ จะเผชิญกับปัญหาหรือมรสุมชีวิตในช่วงหลังจากนี้จนกว่าจะได้เป็น ด๊อกเตอร์ อย่างไรบ้างเรามาดูในคลิปจากรายการเจาะใจกันดีกว่าครับ</b><br />
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<object height="375" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/9x7T5GdesNg?version=3&hl=en_US"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/9x7T5GdesNg?version=3&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<div style="margin-top: 150px; text-align: center;">
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<br />
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-4492326226649685" data-ad-slot="4174800971" style="display: inline-block; height: 250px; width: 300px;"></ins><script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
WinWinhttp://www.blogger.com/profile/10523524193155070750noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-25917884772104135512014-10-19T18:00:00.000+07:002014-10-19T18:00:02.778+07:00คนไทยนัก Illustrator โฆษณามือวางอันดับ 1 ของโลก<div style="text-align: justify;">
"<b>สุรชัย พุฒิกุลางกูร</b>" กรรมการผู้จัดการ บริษัท <b>Illusion</b> จำกัด นักรีทัชมือวางอันดับ 1 ของโลก ผู้ล่ารางวัลระดับภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก และอันดับ 1 ของวงการของ "รีทัชเชอร์" เมืองไทยมากว่า 18 ปี คร่ำหวอดอยู่ในโลกของการ "รีทัช" เขากำลังจะเล่าให้ฟังถึงเส้นทางกว่าจะเป็น "นักรีทัช" มือคุณภาพ จนได้รับการยอมรับเป็น 1 ใน 200 "<b>Best Illustrators Worldwide by Archive</b>" มีผลงานที่ผ่านมือมาแล้วมากกว่า 10,000 ชิ้น</div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-3xbdAonDdSw/VEKxXQsKDZI/AAAAAAAAAvM/hTDRGuubfS8/s1600/Surachai.png" width="500" /></div>
<br />
<div style="text-align: justify;">
"<b>ทรงกลด บางยี่ขัน</b>" ได้สัมภาษณ์ในหนังสือ a day ฉบับที่ 149 อย่างน่าสนใจ <br />
"<i>สุรชัย พุฒิกุลางกูร คือ นักคิดเขาเฝ้าสังเกตชีวิตและครุ่นคิดกับมันจนได้ทฤษฎีที่น่าสนใจหลายเรื่องทุกทฤษฎีล้วนจริง ง่าย สร้างแรงบันดาลใจ และเหมาะจะนำไปใช้งานใครกำลังสับสนกับชีวิต อยู่ใกล้ๆความคิดของเขาไว้ แล้วจะไม่หลงทาง</i> "</div>
<a name='more'></a><br />
"<b>สุรชัย พุฒิกุลางกูร</b>" ให้แนวคิดสำหรับผู้ที่อยากประสบความสำเร็จในงานด้านนี้ไว้ว่า<br />
<ol>
<li>เป็นตัวของตัวเอง และอย่าพยายามเป็นเหมือนคนอื่น เพราะว่าทุกคนเกิดมาแตกต่างกัน ดังนั้นเราต้องดูว่าเราแตกต่างต่างจากคนอื่นยังไง</li>
<li>แล้วเราก็จะรู้ข้อจำกัด และจุดเด่นของตนเอง </li>
<li>หาทีมเพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพและความสามารถอื่นๆมาประกอบรวม (ถ้าหากงานนั้นเป็นสมรภูมิแบบทีม) </li>
<li>มั่นฝีกซ้อมฝีมือและหาโค้ชช่วยชี้แนะ “ชีวิตคนเราจะเปลี่ยน ก็ต่อเมือเปลี่ยนโค้ช” </li>
<li>แบ่งปันและใส่ใจทีม</li>
</ol>
<div style="text-align: justify;">
นอกจากนี้ต้องหมั่นอัพเดทและเรียนรู้ เช่น ทาง illusion จะมีการอัพเดทซอฟแวร์หรือโปรแกรมใหม่ๆ เปรียบเสมือนการทำ R&D ทำให้เราสามารถรู้ว่างานเราพัฒนาขึ้นได้ตรงไหนบ้าง แล้วก็มีการ Predict แนวโน้มของโฆษณาจากการดูโฆษณา ดูหนังฮอลลี่วู๊ด ฟังเพลง แฟชั่น รถยนต์ ฯลฯ ทำให้เราคิดได้หลายๆมุม และสามารถนำไปคาดการณ์เทรนด์โฆษณาได้</div>
<br />
<b>รางวัล</b>ที่ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารโฆษณาระดับโลก <b>Luerzer’s Archive </b>ให้เป็น <b>Illustrator</b> อันดับ 1 ของโลก<br />
<ul>
<li>โปรดักชั่นเฮาส์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับรางวัล Grand Prix จากงานประกวดโฆษณา Cannes Lions 2011</li>
<li>โปรดักชั่นเฮาส์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับรางวัล Grand Prix จากงานประกวดโฆษณา London International Awards 2011</li>
<li>โปรดักชั่นเฮาส์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับรางวัล Grand Prix ถึง 3 ตัวจากงานประกวดโฆษณา Spikes Asia 2011</li>
<li>ได้รับรางวัล 2 Grand Prix จากงานประกวดโฆษณา Dubai Lynx 2012</li>
<li>ได้รับรางวัล Grand Prix จากงานประกวดโฆษณา Adfest 2010 , 2012และ 2014</li>
<li>ได้รับรางวัล 3 Yellow Pencil จากงานประกวดโฆษณา D&AD 2012</li>
<li>ได้รับรางวัล Gold illustration จากงานประกวด Cannes Lions สองปีติดต่อกันเป็นคนแรกของโลก</li>
<li>ได้รับรางวัล production company of the year 2 ปีซ้อนจาก adfest 2013และ2014</li>
</ul>
1992-2014 - ผลงานได้รับรางวัลในการประกวดโฆษณาทั้งในระดับโลกและในประเทศมากกว่า 1000 รางวัล<br />
<br />
<div style="text-align: justify;">
เรื่องราวที่จะช่วยเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลงาน หรือการทำงานด้านอื่นๆให้ประสบความสำเร็จได้อย่างที่ คุณสุรชัย พุฒิกุลางกูร ได้รับมาแล้วเรามาชมกันดีกว่าครับจะทำให้เห็นภาพและเรื่องราวความสำเร็จของเขาได้ชัดเจนคุณจากคลิปย้อนหลังของรายการ ไทยเท่ ตอน ความสุขระดับตารางนิ้ว จาก aday Tv Channel</div>
<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="281" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/Xmrk0faBoPU?hl=en_US&version=3"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/Xmrk0faBoPU?hl=en_US&version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="281" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
</div>
<div style="margin-top: 150px; text-align: center;">
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<br />
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-4492326226649685" data-ad-slot="4174800971" style="display: inline-block; height: 250px; width: 300px;"></ins><script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
WinWinhttp://www.blogger.com/profile/10523524193155070750noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-21614354035868420982014-10-18T13:21:00.000+07:002014-10-19T01:10:43.787+07:00ความ “ล้มเหลว” นี่แหละคือ "ครู" ที่ดีที่สุด!! แนวคิด 5 ประการของ Bill Gates <div style="text-align: justify;">
บลูมเบิร์กเผยผลจัดอันดับคนรวย"บิล เกตส์" ยังครองแชมป์มหาเศรษฐีโลกมีทรัพย์สิน <b>72,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ</b> สำนักข่าวต่างประเทศรายงานการจัดอันดับมหาเศรษฐีโลก เดือนกันยายน ปี 2556 โดยบลูมเบิร์ก มิลิแนร์ ระบุว่าบิล เกตส์ นักธุรกิจชาวอเมริกัน หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ยังคงรั้งแชมป์รวยที่สุดในโลก แม้มูลค่าทรัพย์สินจะลดลง <b>507.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 16,227 ล้านบาท</b> จากเมื่อเดือนพฤษภาคม โดยมีทรัพย์สิน <b>72,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 2.3 ล้านล้านบาท</b> ซึ่งร่ำรวยมาจากหุ้นไมโครซอฟท์ และทรัพย์สินของเขา 25% มาจากไมโครซอฟท์ </div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-t_-73ymeWMg/VD9jyAVmkRI/AAAAAAAAAu8/1P3o3EvIq6o/s1600/billgate.png" width="500" /></div>
<br />
<b>1. “ความสำเร็จ เป็นครูที่ไม่ดี เพราะมันทำให้คนเก่งๆ หลายคน แพ้ไม่เป็น! ”
</b><br />
<div style="text-align: justify;">
ไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหน การอ่อนน้อมถ่อมตนคือสิ่งที่สำคัญ เพราะความสำเร็จก็เหมือนชีวิตคนเรานั่นแหละ ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนไปตลอด คุณสำเร็จในวันนี้ แต่ตื่นขึ้นมาในวันถัดไป ทุกอย่างอาจจะหายวับไปกับตาก็เป็นได้ทางที่ดีที่สุดก็คือ ถึงแม้วันนี้ชีวิตคุณจะเปลี่ยน เพราะคุณประสบความสำเร็จ แต่อย่าให้มันเปลี่ยนแปลงตัวตนที่อยู่ภายในของคุณ คุณยังปฏิบัติต่อทุกคนรอบตัวเหมือนเช่นเดิม และรู้จักที่จะให้อะไรคืนสู่โลกที่คุณอาศัยอยู่บ้างการเรียนรู้ที่ดีที่สุด คือ เรียนรู้จากความล้มเหลว ไม่ใช่เรียนรู้จากความสำเร็จ เพราะฉะนั้น อย่าให้ความสำเร็จในวันนี้มาบังตาคุณ
</div>
<a name='more'></a><br />
<b>2. “อย่าเปรียบเทียบตัวคุณเอง กับใครก็ตามในโลก เพราะถ้าคุณทำ คุณกำลังดูถูกตัวเองแล้วล่ะ”
</b><br />
<div style="text-align: justify;">
คุณมีความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง เพราะฉะนั้น จำไว้ว่า ความสำเร็จมันขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะให้คำนิยามเป็นอย่างไร ใช้ชีวิตในทุกๆ วันของคุณอย่างมีค่าที่สุด อย่าเปรียบเทียบความสำเร็จของคุณ กับของคนอื่นเราทุกคนเดินด้วยความเร็วที่ต่างกัน เดินกันคนละเส้นทาง และถึงแม้บางทีเราอาจจะหลงทาง ผิดพลาดไปบ้าง ก่อนที่เราจะสำเร็จ แต่นั่นคือส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่ความสำเร็จไม่ใช่หรอ ดังที่ J.R.R. Tolkien เคยกล่าวไว้ว่า “Not all those who wander are lost. – ไม่ใช่ทุกคนที่เดินไปมา คือคนที่กำลังหลงทางทั้งหมดหรอกนะ”
</div>
<br />
<b>3. “ลูกค้าที่โหดสุดๆ ของคุณ หรือไม่พอใจในการบริการของคุณที่สุด คือบทเรียนที่ดีที่สุดของคุณ”
</b><br />
<div style="text-align: justify;">
นี่คือคำแนะนำที่ดีมากๆ สำหรับผู้ประกอบการว่า บทเรียนที่ดีที่สุดของคุณ คือลูกค้าที่ไม่พอใจในสินค้าหรือบริการของคุณ ยิ่งถ้าเจอลูกค้าหลายๆ คนบ่นเรื่องเดียวกัน นั่นหมายความว่า คุณรู้แล้วว่า คุณต้องแก้ปัญหาที่จุดไหนสิ่งนี้ใช้ได้กับ คนอื่นๆ เช่นกันในการใช้ชีวิต เราสามารถเรียนรู้ได้อย่างดี จากคนที่ไม่ชอบเรา หรือไม่พอใจเรา โดยเฉพาะคนใกล้ตัว เพราะมันทำให้เรารู้ว่า เราควรปรับปรุงตรงไหนหรือเปล่า ที่เขาไม่พอใจมันเพราะอะไร ซึ่งถึงแม้หลายๆ คนอาจจะบอกว่า เราไม่ควรสนใจสิ่งที่คนอื่นคิดมากเกินไป แต่นั่น คือความจริงในแง่ของคนที่เราไม่รู้จัก หรือ คนแปลกหน้า แต่ถ้ากับคนใกล้ตัวเรา เกิดไม่พอใจอะไรเราขึ้นมา นั่นคือเรื่องที่เราต้องคิด และดูว่า เราต้องปรับปรุงอะไรหรือไม่ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือ คุยกับเขา สื่อสารให้เข้าใจกัน และแก้ไขต่อไป
</div>
<br />
<b>4. “ดีๆ กับพวกเนิร์ดๆ ไว้ก็ดี วันข้างหน้า คุณอาจจะต้องทำงานให้พวกเขาก็ได้”
</b><br />
<div style="text-align: justify;">
ความนิยมของบุคคล บางทีมันก็เป็นอะไรที่ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ตลอดเมื่อเวลาผ่านไป คนที่ดูขี้แพ้สุดๆ ตอนเรียนประถม พอขึ้นมอปลาย อาจจะกลายเป็นสาวฮอต ได้เป็นควีนงานพรอมของโรงเรียนก็เป็นได้เหมือนกัน บางทีเราเห็นคนเนิร์ดในหมาวิทยาลัย ก็อาจจะไม่อยากยุ่งด้วย หรือคบด้วย เพราะดูไม่เจ๋ง แต่คิดดูดีๆ พวกนี้บางทีอาจจะออกจากมหาวิทยาลัย ไปสร้างชื่อ สร้างโลก และสุดท้ายคุณอาจจะต้องไปทำงานให้กับคนเหล่านั้นในชีวิตจริงก็เป็นได้เพราะฉะนั้น การทำดีกับคนอื่นๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม คือสิ่งที่ดี เพราะเราไม่รู้ว่าวันข้างหน้า คนคนนั้นจะกลายไปเป็นใคร เราอาจจะต้องร่วมงานกับเขา ขอความช่วยเหลือเขา หรือเกื้อกูลกันในอนาคต เอาเป็นว่า มนุษยสัมพันธ์ดีไว้ก่อน ดีที่สุด
</div>
<br />
<b>5. “ชีวิตไม่เคยยุติธรรมหรอก…ชินซะเถอะ”
</b><br />
<div style="text-align: justify;">
ชีวิตคนเราไม่เคยงดงาม และโรยด้วยกลีบกุหลายหรอกนะ บางคนอาจจะดูชีวิตง่าย บางคนอาจจะมีชีวิตที่ยาก ชีวิตคนเราไม่เคยที่จะยุติธรรมอยู่แล้วล่ะ สิ่งเดียวที่คุณทำได้คือ “ยอมรับมัน และชินกับมันซะ” พยายามมองเรื่องดีๆ ในเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณ และจำไว้ว่า แสงสว่างจะไม่เกิดขึ้น ถ้ามันไม่มีความมืดมนเกิดขึ้นซะก่อนเพียงคุณยอมรับมันได้ว่า ความเจ็บปวด ความล้มเหลว คือส่วนหนึ่งของชีวิต ที่เป็นธรรมชาติ คุณก็จะสามารถผ่านพ้นมันไปได้ และใช้มันนั่นแหละเป็นคุณครูที่จะเอาไว้สู้กับปัญหาในครั้งต่อไป</div>
<div style="margin-top: 150px; text-align: center;">
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<br />
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-4492326226649685" data-ad-slot="4174800971" style="display: inline-block; height: 250px; width: 300px;"></ins><script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
WinWinhttp://www.blogger.com/profile/10523524193155070750noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-70359483508284204192014-10-16T12:04:00.000+07:002014-10-16T12:09:04.532+07:00"ต่อ ฟิโนมีน่า" ผู้กำกับโฆษณาคนไทยกับรางวัลระดับโลก Cannes Lions<div style="text-align: justify;">
สุดยอดแนวคิดที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ จากคุณธนญชัย ศรศรีวิชัย (<b>ต่อ ฟิโนมีน่า</b>)ผู้กำกับโฆษณาคนไทยกับรางวัลระดับโลก Cannes Lions</div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-g1yd6-DdPHE/VD9NrTlZvyI/AAAAAAAAAus/zISbPutPreM/s1600/tor-fenomena.png" width="500" /></div>
<div style="text-align: justify;">
<br />
ในตอนนี้แม้ คุณต่อ ฟิโนมีน่า จะได้รับรางวัลระดับโลกมาหลายต่อหลายรางวัลแล้วแต่เค้าก็ยังให้คำบอกว่าการเรียนรู้ของเค้ายังไม่สิ้นสุด "<i>ผมยังต้องดูหนังวันละ 3 เรื่อง อ่านหนังสือเยอะมาก โดยเฉพาะด้านธุรกิจ
การตลาด นั่นเพราะงานโฆษณาจะต้องมีความรู้ด้านธุรกิจ
การตลาดและการทำภาพยตร์ ซึ่งผมไม่ได้เรียนมาทั้งสิ้น
รวมถึงศึกษาประวัติศาสตร์ ที่เป็นตัวกำหนดให้เกิดพฤติกรรมในปัจจุบัน
เพื่อให้รู้รากเหง้าความคิดของคน ศึกษาจิตวิทยา ให้เข้าใจคนดู
เรื่องพวกนี้เกี่ยวกับงานโฆษณาทั้งสิ้น จึงต้องอ่านให้มาก เรียนรู้ให้มาก </i>" </div>
<a name='more'></a><div style="text-align: justify;">
<br />
<br />
ความสำเร็จและชื่อเสียงระดับโลกที่ได้มา ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆย ด้วยความพยายามอย่างยิ่งของคุณ <b>ต่อ ฟิโนมีน่า</b> ผู้กำกับงานโฆษณามือ 1 ของโลก เป็นผู้กำกับที่ได้รางวัลมากที่สุดเป็นอันดับ 1 จากการจัดอันดับของ <b>The Gunn Report 2005</b> เป็นรางวัลการันตีล่าสุดของการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณามือทอง เค้าจึงเป็นที่ต้องการของ Agency และเจ้าของสินค้า ทั้งหลายด้วยหมายมั่นว่าเขามีสุดยอดไอเดียบนแผ่นกระดาษให้โลดแล่นขึ้นบนจอได้อย่างน่าชม และน่าประทับใจ</div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
เมื่อครั้งอยู่บริษัท สามหน่อ ในตำแหน่งกราฟิกดีไซเนอร์ อนจะถูกดึงมาเป็นผู้กำกับคนสำคัญใน<b>ฟีโนมีนา</b> ครั้งที่เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารอะเดย์ เขาได้บอกไว้ว่า ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในแง่ของโปรดักชั่น ไม่เข้าใจกระทั่งคำว่า ฟิล์ม 35 มม. แต่ด้วยความเป็นคนใฝ่เรียนรู้และมีความมุ่งมั่น จึงใช้เวลาเรียนรู้ไม่นาน และลบคำประมาสได้โดยสิ้นเชิง</div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
เมื่อเขาสร้างผลงานจนกลายเป็นผู้กำกับมือทองไม่ใช่แค่ในเมืองไทย แต่เป็นที่ต้องการของโลก
ทุกครั้งที่มีโอกาสได้เห็นผลงานโฆษณาทางหน้าจอโทรทัศน์ 90 เปอร์เซนต์เราจะเห็นว่านั่นคือ งานโฆษณาฝีมือของเขา ไม่ว่าจะเป็น เยสโล่ เพจเจจ ฟอร์ดคิงคอง สมูทอี เบบี้ เฟซ โฟม เซียงเพียงอิ๊ว กรุงเทพประกันภัยฯลฯ และจากนั้นไม่นานรางวัลความสำเร็จจากสถาบันทั้งใน และนอกประเทศจะไหลบ่ามาเป็นรางวัลพิสูจน์ความสำเร็จให้แต่แก่เขา ธนญชัย ศรศรีวิชัย (<b>ต่อ ฟิโนมีน่า</b>)</div>
<br />
<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="281" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/LExddTZ1RaY?hl=th_TH&version=3"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/LExddTZ1RaY?hl=th_TH&version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="281" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br />
<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="281" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/LBYeyA1Z2IE?version=3&hl=th_TH"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/LBYeyA1Z2IE?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="281" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<div style="margin-top: 150px; text-align: center;">
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<br />
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-4492326226649685" data-ad-slot="4174800971" style="display: inline-block; height: 250px; width: 300px;"></ins><script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
WinWinhttp://www.blogger.com/profile/10523524193155070750noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-29500724709492712792014-10-14T00:20:00.000+07:002014-10-14T00:24:23.785+07:00ขยันวันนี้ สบายวันหน้า ขี้เกียจวันนี้ ก็สบายวันนี้ เลย!!!!<div style="text-align: justify;">
เป็นหัวข้อที่อาจจะดูน่ารังเกียจ หรือดูไม่ค่อยดีเท่าไรหากไม่ลองอ่านรายละเอียดหรือ ดูคลิปต่อไปนี้ให้เข้าใจว่าเจ้าของเนื้อหาเค้ากำลังอยากจะสื่อสารถึงอะไร ตั้งแต่เรายังเป็นเด็กๆเรามักจะได้ยิน หรือได้ฟังพ่อแม่ ครู อาจารย์ ผู้ใหญ่บอกอยู่เสมอว่าาให้ขยันเรียน เมื่อเราถึงไว้ทำงานก็ต้องขยันทำงาน โดยเฉพาะผู้เป็นนายจ้าง เมื่อทำงานบางทีเราขยันไปเองโดยไม่ต้องมีใครมาบอก ซึ่งเราอาจจะยังไม่เคยตั้งคำถามกันว่า " ทำไมเราต้องขยันกันขนาดนี้ หรือ ว่าตอนนี้ทำกำลังทำไปเพื่ออะไร และเรามีสิทธิ์ที่จะขี้เกียจกันบ้างไหม"<br />
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<img border="0" src="http://2.bp.blogspot.com/-jhyrR1WUTAw/VDwJWuwChoI/AAAAAAAAAuc/OQ4A8oQP4_E/s1600/pang.PNG" width="500" /></div>
<br />
<br />
<div style="text-align: justify;">
ผมมีโอกาสได้ดูคลิปรายการวัฒนธรรมชุบแป้งทอดย้อนหลังตอน "เรามีสิทธิ์ที่จะขี้เกียจ" ก็รู้สึกอยากรู้เหมือนกันว่าทำไม "เรามีสิทธิ์ที่จะขี้เกียจ" ใครอยากไปสำรวจดูว่า ในสังคมปัจจุบัน ความขยันและความขี้เกียจมีหน้าตาเป็นอย่างไร ความขยันและขี้เกียจเป็นเรื่องส่วนตัวจริง หรือ ทำไมเราจึงถูกสอนให้ขยันตลอดเวลา คนในสังคมอื่นขยันเหมือนเราหรือไม่ และทำไมคนบางคนถึงไม่มีสิทธิ์ที่จะขี้เกียจ
</div>
<a name='more'></a><br />
<div style="text-align: justify;">
<br />
ลองมาฟังมุมมองและทำความเข้าใจสังคมแห่งความขยันกับ <b>รศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร</b> คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, คุณ<b>พลอย จริยะเวช</b> นักเขียนผู้เห็นคุณค่าของการหยุดพัก, และคุณ<b>จิตร์ ตัณฑเสถียร</b> ศิษย์หมู่บ้านพลัมที่มองเห็นความศักดิ์สิทธิ์ของวันขี้เกียจกันดูครับ
</div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="281" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/imIT_5KJgNQ?version=3&hl=th_TH"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/imIT_5KJgNQ?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="281" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
</div>
<div style="margin-top: 150px; text-align: center;">
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<br />
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-4492326226649685" data-ad-slot="4174800971" style="display: inline-block; height: 250px; width: 300px;"></ins><script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
WinWinhttp://www.blogger.com/profile/10523524193155070750noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-37033636684258749132014-10-10T22:52:00.000+07:002014-10-14T00:22:27.506+07:00สมองแห่งพุทธะ มุมมองวิถีแห่งพุทธจากโลกตะวันตกโดย "ริค แฮนสัน"<div style="text-align: justify;">
ตั้งใจจะ update blog เรื่องพุทธะบ้างในช่วงที่เข้ากับเทศกาลออกพรรษาแต่ติดที่งานภาระกิจที่รัดตัวจึงหาเวลาและโอกาสที่จะนั่งหาเรื่องราวดีๆมาเก็บไว้เพื่อเป็น มุมมอง แนวคิด และแรงบันดาลใจ ในวิถีแห่งพุทธบ้าง มีเรื่องราวที่เมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะ ที่เคยเจริญงอกงามในโลกของชาวตะวันออกอย่างชาวเอเชียจนในขณะนี้ดูเหมือนเจริญเติบโตจนเต็มที่ เหมือนรอวันร่วงโรย แต่กับเรื่องราวของพุทธะที่ได้รับรู้ว่ากำลังเติบโตและเบ่งบานในโลกตะวันตกแล้ว และหากการได้ฟังเรื่องพุทธศาสนาจากมุมมองของ
ชาวตะวันตกอาจจะทำให้เราได้รับมุมมอง ประเด็น
และวิธีคิดอันแตกต่างจากที่เราคุ้นเคย
ดูแล้วก็เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่น่าศึกษาและน่าสนใจไม่น้อย หากดูแล้วคิด วิเคราะห์ตามอาจจะนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นได้ รายการ "นิ้วกลม" ได้นำเรื่องราวแห่งพุทธะ จากซานฟรานซิสโก จาก คุณ "<b> ริค แฮนสัน</b> " นักจิตวิทยา
นักปฏิบัติธรรม และเป็นผู้เขียนหนังสือขายดีหลายเล่ม</div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-Rms1SlpUQN0/VDf_7QBXtQI/AAAAAAAAAuA/MPE0YBrUgPA/s1600/rick-hanson.jpg" width="500px" /></div>
<br />
<div style="text-align: justify;">
อย่างเช่น <b>Buddha’s Brain</b> และ <b>Just one Thing</b>
ที่ช่วยสร้างกระแสความสนใจพุทธศาสนาในหมู่ชาวตะวันตกอย่างกว้างขวางมานานหลายปีแล้ว
จุดเด่นหนังสือของริคคือ นอกจากตัวเขาเองจะเป็นนักจิตวิทยาแล้ว
เขายังมีเพื่อนสนิทเป็นนักวิทยาศาสตร์ทางด้านสมองและระบบประสาท
ทำให้หนังสือที่ทั้งคู่เขียนร่วมกันเป็นการนำเอาประสบการณ์จากการปฏิบัติ
ธรรมมาผสานกับความรู้ทางด้านสมองและระบบประสาท ติดตาม ชมคลิปที่น่าสนใจนี้กันครับ สำหรับ มุมมองของพุทธศาสนา จาก นักจิตวิทยา นักวิทยาศาสตร์ทางด้านสมองและระบบประสาท จากโลกตะวันตก "พื้นที่ชีวิต : สมองแห่งพุทธะ"</div>
<a name='more'></a><br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="281" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/-w2dnIwDDsg?version=3&hl=th_TH"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/-w2dnIwDDsg?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="281" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
</div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<b>" จิตและสมองเป็นคนละส่วนกัน แต่ทำงานร่วมกันเหมือนเป็นหนึ่งเดียวกัน </b></div>
<div style="text-align: center;">
<b>การทำงานของจิตมีผลต่อสมองและเช่นเดียวกัน</b><br />
<b>การทำงานของสมองก็มีผลต่อจิตด้วย "</b>
</div>
<div style="margin-top: 150px; text-align: center;">
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<br />
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-4492326226649685" data-ad-slot="4174800971" style="display: inline-block; height: 250px; width: 300px;"></ins><script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script></div>
WinWinhttp://www.blogger.com/profile/10523524193155070750noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-30540360921456136292014-10-01T09:00:00.002+07:002014-10-10T23:05:32.333+07:00นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ พิชิตโรคร้าย โดยไม่ใช้ยา <div style="text-align: justify;">
หมอใหญ่วัยใกล้เกษียณที่ถูกโรคร้ายรุมเร้าถึง 6 โรค ทั้งโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ ตับอักเสบรุนแรง และปริมาณเม็ดเลือดแดงมากเกินไป ซึ่งจากประสบการณ์ทางแพทย์ที่สั่งสมมา ทำให้เขารู้ว่า โรคร้ายเหล่านี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาด ทำได้เพียงกินยาเพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น</div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<img border="0" src="http://2.bp.blogspot.com/-w7q2Pst5LjY/VCtfgfoGT7I/AAAAAAAAAsM/fuPExsU8zxg/s1600/boonchai2.JPG" height="367" width="500" /></div>
<br />
<div style="text-align: justify;">
แต่เมื่อเขานำศาสตร์ในการดูแลตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการค้นคว้าและทดลองปฏิบัติด้วยตัวเองมาใช้<span class="Apple-converted-space"> </span><b>‘นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์’</b><span class="Apple-converted-space"> </span>กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลราชธานี โรงพยาบาลชื่อดังของจังหวัดอยุธยา และประธานกรรมการบริหารเวลเนสซิตี้ กรุ๊ป ก็ต้องพบกับความอัศจรรย์ว่า เขาสามารถขจัดโรคร้ายทั้ง 6 โรคได้ภายในระยะเวลาแค่ 4 เดือน</div>
<a name='more'></a><br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="281" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/W2yy0m8qIlo?version=3&hl=th_TH"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/W2yy0m8qIlo?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="281" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
</div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="281" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/1YPoyY_4K3s?hl=th_TH&version=3"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/1YPoyY_4K3s?hl=th_TH&version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="281" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
</div>
<br />
<br />
<b>• 6 โรคร้ายรุมเร้าจนต้องลุกขึ้นมาหาวิธีปฏิวัติตัวเอง</b><br />
<br />
คุณหมอบุญชัยเล่าว่า<span class="Apple-converted-space"> </span><b>ด้วยการใช้ชีวิตแบบคนเมืองที่เต็มด้วยความเร่งรีบ ความเครียดที่เกิดจากการทำงานและการกินอาหารตามความเคยชิน ส่งผลให้สุขภาพของเขาเริ่มมีปัญหา และสั่งสมเรื่อยมาจนกลายเป็นโรคร้ายถึง 6 โรคด้วยกัน</b><br />
<br />
น้ำหนักของเขาขึ้นไปถึง 113 กิโลกรัม ระดับน้ำตาลในเลือดสูงถึง 294 ขณะที่ความดัน ตัวบนอยู่ที่ 170 ตัวล่าง 110 อีกทั้งไขมันในเลือดยังผิดปกติ!!<br />
<br />
แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แม้เขาจะเป็นหมอที่ช่วยชีวิตคนไข้มามากมาย แต่เขากลับไม่สามารถรักษาโรคเหล่านี้ของตัวเองให้หายขาดได้<br />
<br />
ในทางกลับกันโรคที่เป็นอยู่กำลังเป็นสะพานที่นำไปสู่โรคภัยที่ร้ายแรงขึ้น จุดนี้จึงเป็นแรงบันดาลใจให้คุณหมอหันมาศึกษาค้นคว้า เพื่อหาทางแก้ไขและลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองอย่างจริงจัง<br />
<br />
<div style="text-align: justify;">
“ความจริงหลายๆโรคที่เป็นเนี่ยะ เราก็รู้มาก่อนอยู่แล้ว อย่างโรคอ้วน โรคเม็ดเลือดแดงมากเกินไป โรคตับอักเสบเรื้อรัง ความดันโลหิตสูง แต่สาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจลุกขึ้นมาเปลี่ยนชีวิตตัวเองก็คือ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ปี 53 ผมตรวจร่างกาย พบว่า เป็นเบาหวานและน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งโรคเบาหวานมันเป็นต้นเหตุให้เกิดโรคต่างๆตามมาอีกเยอะ เช่น โรคหัวใจ เส้นเลือดในสมองตีบ ตาบอดเพราะเบาหวานขึ้นตา</div>
<br />
<div style="text-align: justify;">
โรคเบาหวานไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงรักษาตามอาการ กินยาเพื่อรักษาระดับน้ำตาล ซึ่งต้องกินยาตลอดชีวิต แต่การกินยามากๆ จะทำให้เกิดผลข้างเคียงคือ ทำให้ตับเสื่อมและไตวาย ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมมองหาวิธีการใหม่ที่จะมีโอกาสหายจากโรคเบาหวานหลากหลายวิธีการ</div>
<br />
<div style="text-align: justify;">
วิธีการที่ผมใช้เริ่มจากพื้นฐานความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์ และอาศัยความรู้หลายอย่างประกอบกัน ทั้งความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ โบราณคดี วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ความรู้เรื่องการเจริญของโลก ความรู้เรื่องมานุษยวิทยา ความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ทางจิต ซึ่งเราก็เอาหลายๆอย่างมาผสมผสานกัน เพื่อหารากเหง้าความเป็นมาว่า มนุษย์เรามีความเป็นมาอย่างไร คือคนในปัจจุบันไม่ได้ดำรงอยู่ตามธรรมชาติ เพราะเราสั่งสมวัฒนธรรมความรู้เพื่อจะทำให้เราดำรงชีวิตอย่างสะดวกสบาย<span class="Apple-converted-space"> </span><b>ซึ่งการที่เราใช้ชีวิตผิดธรรมชาติ เป็นสาเหตุที่ทำให้เราป่วย ดังนั้น การที่เราจะหายป่วยได้ เราก็ต้องไปหาว่า การใช้ชีวิตตามธรรมชาตินั้นเป็นอย่างไร”</b><span class="Apple-converted-space"> </span>นพ.บุญชัย เล่าย้อนให้ฟังถึงสาเหตุที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง</div>
<br />
<br />
<b>• ค้นพบศาสตร์ ‘ห้าม 5 ต้อง 5' สลายโรคร้าย</b><br />
<br />
จากการศึกษาวิเคราะห์ศาสตร์ต่างๆ ทำให้คุณหมอบุญชัยได้ข้อสรุปว่า อาหารที่คนเรานิยมบริโภคอยู่ในปัจจุบันนั้น ไม่สอดคล้องกับธรรมชาติและความต้องการของร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องแก้ที่ต้นเหตุคือ ปรับเปลี่ยนวิธีการกินและการดำรงชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์ จึงเกิดเป็นศาสตร์<span class="Apple-converted-space"> </span><b>‘ห้าม 5 ต้อง 5'</b><span class="Apple-converted-space"> </span>ที่คุณหมอค้นพบด้วยตัวเอง<br />
<br />
การค้นพบครั้งนี้ได้สร้างความอัศจรรย์ให้แก่วงการแพทย์อย่างยิ่ง เพราะหลังจากที่คุณหมอนำศาสตร์ดังกล่าวมาปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็ปรากฏว่า โรคร้ายที่คุณหมอบุญชัยเป็นอยู่ถึง 6 โรคนั้นได้อันตรธานหายไปภายระยะเวลาแค่ 4 เดือนเท่านั้น<br />
<br />
<div style="text-align: justify;">
“จากการศึกษาทำให้เราพบว่า จริงๆแล้วมนุษย์เป็นสัตว์กินพืช ซึ่งอยู่ในตระกูลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตระกูลเดียวกับลิง สมัยดึกดำบรรพ์เรากินผักและผลไม้เป็นหลัก ซึ่งผักผลไม้ที่เรากินจะเป็นพวกใบอ่อน ย่อยง่าย และก็กินพวกเนื้อสัตว์บ้าง กินไข่ กินดินโป่งเป็นอาหารเสริม แต่ปัจจุบันเราไม่ได้กินแบบนี้อีกแล้ว วิวัฒนาการทางวัฒนธรรมทำให้อาหารการกินของเราเปลี่ยนไป กลายเป็นว่าเราบริโภคสิ่งที่ไม่เหมาะกับร่างกายของมนุษย์ ผมก็มานั่งคิดว่า ถ้าเราจะใช้ชีวิตตามธรรมชาติที่แท้จริงของมนุษย์ เราจะทำยังไง จะปรับได้ขนาดไหน</div>
<br />
ผมจึงออกแบบชีวิตในปัจจุบันให้ปลอดภัยในระดับที่สามารถรักษาโรคที่เกิดจากการใช้ชีวิตผิดธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็ยังสามารถใช้ชีวิตในการทำงานแบบคนเมืองได้<span class="Apple-converted-space"> </span><b>คือต้องสร้างสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตตามกฎธรรมชาติและการใช้ชีวิตแบบคนเมือง</b><span class="Apple-converted-space"> </span>เราก็ใช้วิธีการทดลอง ดูจากตำรา ดูจากงานวิจัย และการทดลองปฏิบัติ ทำให้ได้ข้อสรุปของวิธีดำเนินชีวิตตามกฎธรรมชาติ<br />
<br />
สรุปออกมาเป็น<b>ข้อควรปฏิบัติ 5 ข้อ และสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ 5 ข้อ</b><span class="Apple-converted-space"> </span>ซึ่งเรียกสั้นๆว่า<span class="Apple-converted-space"> </span><b>กฎห้าม 5 ต้อง 5”</b><span class="Apple-converted-space"> </span>นพ.บุญชัย พูดถึงศาสตร์การคืนสู่วิถีธรรมชาติที่เขาค้นพบ<br />
<br />
<b>• มหัศจรรย์แห่งวิถีธรรมชาติ<br /> โรคร้ายหายเป็นปลิดทิ้ง</b><br />
<br />
หลังจากที่คุณหมอบุญชัยปฏิบัติตามกฎ ‘ห้าม 5 ต้อง 5' เขาก็พบกับความมหัศจรรย์แห่งวิถีธรรมชาติ เพราะสุขภาพของเขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และโรคร้ายที่เป็นอยู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง<br />
<br />
<div style="text-align: justify;">
“ผมเริ่มปรับเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตมาตั้งแต่ปี 2553 ถึงตอนนี้ก็ 2 ปีกว่าแล้ว ซึ่งหลังจากเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตแค่เดือนก็เห็นผลแล้ว พอถึงเดือนที่ 4ปรากฎว่า 6 โรคที่เป็นหายหมดเลย ยกเว้นไขมันในหลอดเลือดยังลดลงไม่ถึงระดับ คือโรคอ้วนก็หาย จากเดิมน้ำหนัก 114 กก. ลดลงเหลือ 89 กก. น้ำหนักผมลดลงไป 25 กก.</div>
<br />
<div style="text-align: justify;">
ตอนนี้โรคต่างๆหายหมดแล้ว เบาหวานก็หาย น้ำตาลในเลือดที่เคยขึ้นไปถึง 294 ปัจจุบันเหลือ 90 มันลดลงเอง ไม่ต้องใช้ยาเลย ความดันผมลดลงจาก ตัวบน 170 เหลือ 105 ตัวล่างจาก 110 เหลือ 70 เส้นเลือดที่เคยแข็ง เส้นเลือดที่อุดตัน ก็เปลี่ยนเป็นเหนียว ยืดหยุ่นดี</div>
<br />
คือมันเป็นวิธีที่ง่ายมากๆ เหมือนเส้นผมบังภูเขา แต่เรามองไม่ออก คือ<b>การใช้ยานอกจากจะแค่รักษาตามอาการ ไม่หายขาดแล้ว ยังมีผลข้างเคียงด้วย แล้วถ้าใช้ยาเราก็จะไม่เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิต เพราะเราคิดว่ายาช่วยเราได้ คืออวัยวะที่มันเสื่อมไปเนี่ยะมันฟื้นไม่ได้</b><br />
<br />
อย่างเช่นโรคเบาหวาน เกิดขึ้นเพราะตับอ่อนเสื่อมจึงผลิตอินซูลินได้ไม่ดี แต่ร่างกายต้องใช้อินซูลินในการควบคุมน้ำตาล เมื่อผลิตอินซูลินได้น้อยน้ำตาลในเลือดก็ขึ้น พอเราปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ร่างกายดีขึ้น ตับอ่อนฟื้นตัวขึ้นก็ผลิตอินซูลินได้ดี เมื่อมีอินซูลินมาควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด น้ำตาลในเลือดก็ลดลงโดยไม่ต้องใช้ยาเลย” นพ.บุญชัย กล่าวถึงชีวิตใหม่ที่เขาได้รับหลังจากกลับมาสู่วิถีธรรมชาติ<br />
<br />
<b>• เดินหน้าเผยแพร่แนวคิดพิชิตโรค</b><br />
<br />
เมื่อค้นพบวิธีที่สามารถทำให้หายจากโรคร้าย ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิต ซึ่งนอกจากจะเป็นวิธีที่ง่าย และประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเห็นผลอย่างรวดเร็ว<br />
<br />
ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นหมอที่อยากเห็นคนไข้หายป่วยและกลับมามีสุขภาพที่ดี คุณหมอบุญชัยจึงตั้งใจที่จะเผยแพร่ความรู้ดังกล่าวให้แก่คนไข้และบุคคลทั่วไป ทั้งโดยการบรรยายให้แก่หน่วยงานและโรงพยาบาลต่างๆ และการเขียนหนังสือเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้แบบง่ายให้ผู้ที่สนใจนำไปปฏิบัติ<br />
<br />
“ปกติผมจะมีคอร์สบรรยายเรื่องการรักษาโรคโดยไม่ต้องใช้ยา แต่ใช้วิธีปรับการใช้ชีวิต ผมจัดเป็นหลักสูตร แล้วก็เอาหลักสูตรที่ได้มาเขียนลงหนังสือ เอาความรู้ที่ได้มาสอนคนอื่นต่อ ก็มีองค์กรใหญ่ๆติดต่อเข้ามาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารออมสิน การประปานครหลวง บริษัทปูนซิเมนไทย บริษัทการบินไทย ผมอบรมไปเกือบหมื่นคนแล้ว ผมไปบรรยายตามโรงพยาบาลที่ต้องการให้จำนวนคนไข้ลดลง เช่น ที่โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลศูนย์สระบุรี โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี<br />
<br />
<div style="text-align: justify;">
คนไข้ที่ปฏิบัติตามแนวทางของผมแล้วมีเยอะมาก คือถ้าปฏิบัติจริงจังต้องเห็นผลทุกราย จากสถิติคนที่ผ่านการอบรมในคอร์สของผมเนี่ย สามารถปฏิบัติอย่างจริงจังและได้ผลเต็มที่ประมาณ 30 % ปฏิบัติได้พอประมาณและได้ผลดี ประมาณ 40% ส่วนที่เหลืออีก 30% ก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม เลยไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร คือหลักสูตรของผมนั้นไม่ใช่ว่าเอายาลูกกลอนไปกิน 10 หม้อแล้วหาย แต่มันคือหลักสูตรการเปลี่ยนชีวิตคน” นพ.บุญชัยกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ</div>
<br />
<b>• ขอเพียงมีศรัทธาต่อชีวิต โรคร้ายก็หายได้</b><br />
<br />
คุณหมอบุญชัยยังได้กล่าวตบท้ายให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยทุกคนว่า ขอเพียงมีศรัทธาก็สามารถหายจากโรคร้ายและกลับมามีชีวิตใหม่ได้แน่นอน<br />
<br />
“ถ้าไม่เป็นโรค เราก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ผมโชคดีที่ผมเป็นโรคที่เราวัดได้ว่าเปลี่ยนแปลงตัวเอง 10 ข้อแล้วเห็นผล มันก็เกิดกำลังใจ เกิดการเรียนรู้ เกิดการค้นคว้าจนได้คำตอบ<br />
<br />
<b>ผมจึงอยากให้ผู้ป่วยทุกคนมีศรัทธาต่อชีวิต มีความหวัง โรคทุกโรคเนี่ยะถ้าเรามีความเชื่อว่าเราจะหาย มีพลัง มีความมุ่งมั่น เราก็มีโอกาสหาย และถ้าเราปฏิบัติตามวิธีที่ถูกต้องเราก็สามารถหายได้</b><br />
<br />
เพราะว่าร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งประดิษฐ์ทางธรรมชาติที่วิเศษที่สุด เพราะมันฟื้นฟูตัวเองได้ มันแก้ไขอาการเจ็บป่วยได้ด้วยตัวเอง ขอเพียงแต่อย่าเอาจิตเราไปขวางมัน เราเพียงแต่เติมเต็มสิ่งที่จะเสริมสร้างร่างกายเรา เช่น อาหาร น้ำ อากาศ อย่างถูกต้อง พวกนี้ก็จะเป็นวัตถุดิบที่จะไปสร้างร่างกายเรา ขบวนการซ่อมตัวเองจะเกิดขึ้น”<br />
<br />
<b>• ข้อห้ามปฏิบัติ 5 ข้อ<br /><br /> 1. ห้ามจินตนาการเชิงลบ</b><span class="Apple-converted-space"> </span>เนื่องจากจิตใต้สำนึกเป็นตัวควบคุมพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ดังนั้น ไม่ว่าคิดบวกหรือคิดลบก็ล้วนมีผลต่อร่างกายทั้งสิ้น ดังนั้น หากเราจินตนาการเชิงลบจะก่อให้เกิดความเครียด อารมณ์ร้าย ซึ่งจะเป็นผลลบต่อร่างกาย<br />
<br />
<b>2. ห้ามอ้วน</b><span class="Apple-converted-space"> </span>เนื่องจากความอ้วนเป็นบ่อเกิดแห่งโรค ซึ่งเราจะพบว่า คนสมัยก่อนนั้นใช้ชีวิตตามป่าเขา หากินตามวิถีธรรมชาติ มีโอกาสได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจึงไม่อ้วนเหมือนผู้คนในปัจจุบัน ทำให้คนสมัยก่อนไม่ค่อยเป็นโรค<br />
<br />
<b>3. ห้ามรับประทานน้ำตาล รวมถึงขนมและอาหารที่ใส่น้ำตาล</b><span class="Apple-converted-space"> </span>เนื่องจากความจริงแล้วอาหารที่เราได้จากธรรมชาตินั้นมีแป้งและน้ำตาลอยู่แล้ว ซึ่งน้ำตาลตามธรรมชาตินั้นมีสัดส่วนที่พอดีและเหมาะกับร่างกาย แต่ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ติดหวาน เพราะเคยชินกับการเติมน้ำตาลในอาหารมาก จึงทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากกว่าที่ควรจะเป็น และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่างๆตามมา<br />
<br />
<b>4. ห้ามรับประทาน Trans Fat หรือไขมันที่ผ่านความร้อน</b><span class="Apple-converted-space"> </span>เพราะเมื่อไขมันผ่านความร้อน ไอน้ำในอากาศจะแตกตัว ทำให้ไฮโดรเจนในโมเลกุลของไอน้ำเข้าไปฝังตัวอยู่ในคาร์บอนของไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัวและดึงไขมันอิ่มตัวขึ้นมา ซึ่งไขมันอิ่มตัวนี้เรียกว่า Trans Fat มักอยู่ในของทอด โดยคนที่กินอาหารทอดมากๆ มักเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด<br />
<br />
<b>5. ห้ามรับประทานสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม</b><span class="Apple-converted-space"> </span>เช่น หมู วัว แพะ แกะ ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่ เนื่องจากหากศึกษาจากโครงสร้างจะพบว่ามนุษย์เป็นสัตว์กินพืช โดยฟันของมนุษย์เป็นฟันแบบตัดซึ่งเหมาะกับการบดเคี้ยวพืช แต่เนื้อสัตว์ใหญ่จะมีลักษณะเหนียวเกินกว่าฟันมนุษย์จะบดเคี้ยวได้<br />
<br />
นอกจากนั้น ลำไส้ของมนุษย์ยังมีลักษณะยาวมาก ทำให้เนื้อที่เหนียวและต้องใช้เวลาย่อยหลายวันไปเน่าอยู่ในลำไส้ จึงเกิดเชื้อแบคทีเรียและสารพิษตามมา<br />
<br />
<b>• ข้อควรปฏิบัติ 5 ข้อ<br /><br /> 1. เน้นการกินพืชผักผลไม้</b><span class="Apple-converted-space"> </span>ซึ่งเป็นอาหารตามวิถีดั่งเดิมของมนุษย์ ในปริมาณครึ่งหนึ่งในแต่ละมื้ออาหาร โดยเน้นผักผลไม้ที่ไม่หวานจัด และไม่ผ่านความร้อนหรือการปรุงสุก เนื่องความร้อนจะไปทำลายวิตามิน เอนไซม์ และสารต่างๆที่มีลักษณะเป็นยา หากทำได้ทุกมื้อก็จะเป็นเหมือนยาอายุวัฒนะ<br />
<br />
<b>2. กินข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสีและยังมีจมูกข้าวเหลืออยู่</b><span class="Apple-converted-space"> </span>เพราะจะทำให้ได้สารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรลดปริมาณข้าวและคาร์โบไฮเดตลงตามลำดับ เนื่องจากจริงๆข้าวและคาร์โบไฮเดตไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ แต่วิวัฒนาการทางวัฒนธรรมทำให้เราหันมาบริโภคข้าวและคาร์โบไฮเดตจนเกิดความเคยชิน และกลายเป็นการบริโภคเกินความจำเป็น<br />
<br />
<b>3. ออกกำลังกายวันละครึ่งชั่วโมง</b><span class="Apple-converted-space"> </span>โดยออกกำลังกายในระดับที่เหงื่อออก หัวใจเต้นแรง ได้หอบหายใจ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายขับพิษออกหลายๆทาง ระบบหมุนเวียนน้ำเหลืองจะทำงาน ซึ่งระบบหมุนเวียนน้ำเหลืองนั้นเป็นระบบป้องกันโรคที่สำคัญของมนุษย์<br />
<br />
นอกจากนั้น ขณะที่หอบหายใจนั้น ร่างกายจะเอาอากาศออกจากปอดได้ทั้งหมด ทำให้อากาศที่อยู่ในปอดสะอาดและมีปริมาณออกซิเจนสูง<br />
<br />
<b>4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ</b><span class="Apple-converted-space"> </span>โดยช่วงการนอนหลับที่ดีที่สุดคือช่วง 22.00-02.00 น. เนื่องจากช่วงดังกล่าวร่างกายจะผลิตเมลาโพนินฮอร์โมนออกมา ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้เราง่วง พอหลับสนิทร่างกายก็จะหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมาอีกตัวหนึ่ง ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้เด็กเจริญเติบโต ถ้าเป็นผู้ใหญ่จะทำให้เกิดการซ่อมสร้างในเวลาที่รวดเร็ว<br />
<br />
<b>5. การมีจินตนาการเชิงบวก</b><span class="Apple-converted-space"> </span>คือการจะให้ร่างการมีสุขภาพดี เราจะต้องมีจินตนาการเชิงบวกต่อสุขภาพ ทำให้ชีวิตเรามีความสุข สุขภาพดี แข็งแรง ร่างกายจะเป็นไปตามที่เราคิด ถ้าเราเครียดร่างกายเราก็จะอ่อนแอ จิตใต้สำนึกมันส่งผลต่อร่างกาย<br />
<br />
บทความจาก : นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 148 เมษายน 2556 โดย กฤตสอร<br />
Facebook : https://www.facebook.com/DoctorBoonchai
<br />
<div style="margin-top: 150px; text-align: center;">
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<br />
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-4492326226649685" data-ad-slot="4174800971" style="display: inline-block; height: 250px; width: 300px;"></ins><script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
WinWinhttp://www.blogger.com/profile/10523524193155070750noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-28737725168160763222014-09-30T02:30:00.001+07:002014-10-10T23:05:47.691+07:00จากวินมอไซด์รับจ้างสู้ชีวิต สู่ BARISTA ชื่อดังระดับโลก!!! <div style="text-align: justify;">
<b>แรงบันดาลใจดีๆ</b> จากคุณฉันท์ คำทองแท้ หรือ <b>อาจารย์ปอ เซียนกาแฟ</b>
บาริสต้าไทย เป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขัน Barista
Championship ปี 2005 ที่ประเทศออสเตรเลีย เป็นผู้บริหารร้านกาแฟ One
Origin Coffee ที่ประเทศออสเตรเลีย </div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<img border="0" src="http://2.bp.blogspot.com/-a-5KOWT58tM/VCmyhWCVPgI/AAAAAAAAAr0/CoSmQOoTeLE/s1600/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9F.JPG" /> </div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
<b>กระแสกาแฟ</b> กำลังมาแรงทั้งไทยและทั่วโลก
ร้านกาแฟถูกเลือกเป็นหนึ่งในช้อยส์ธุรกิจส่วนตัวที่มีผู้ต้องดำเนินกิจการ
การมากสุดลำดับต้นๆ
แต่ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในแวดวงเครื่องดื่มประเภทนี้ได้ล้วนต้องอาศัย
ประสบการณ์ ความขยัน และพรสวรรค์ส่วนตัว วันนี้เรามาทำความรู้จักกับเจ้าสัวแห่งวงการ BARISTA
ที่ทั่วโลกต่างรู้จัก ว่ากันว่าเป็นที่สุดในความเชี่ยวชาญเรื่องฝีมือและรสชาติ กาแฟระดับโลก และยังเปิดสอนการชงกาแฟให้กับนักเรียนชาวไทย ชาวต่างประเทศที่ ซิดนีย์ ประเทศ
ออสเตรเลีย และประเทศไทยอีกด้วย<br />
<a name='more'></a><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-ThIh7OVSTIo/VCmysmlgDzI/AAAAAAAAAr8/FmYb8-PLFFQ/s1600/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%AD.jpg" height="320" width="238" /> </div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
จากเด็กต่างจังหวัดจากลพบุรี
ด้วยฐานะทางบ้านยากจน จึงมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพ
ตั้งแต่ยังวัยรุ่นจบการศึกษาเพียงแค่ ชั้นมัธยม 3
ใช้หยากเหงื่อ แรงงาน แลกเงินมาแล้วหลากหลายอาชีพ กรรมกร แบกหาม เก็บขยะ
ขนของ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง จนมาถึงจุดเปลี่ยนอีกขั้นหนึ่งของชีวิต ในขณะที่ขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่นั้น
ถูกรางวัลฉลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เงินราวๆ 500,000 บาท
จึงตัดสินใจไปหาทำงาน และหาประสบการณ์ที่ต่างประเทศเพือต้องการหลบหนีจากปัญหาจากคนใกล้ตัวรบกวนเรืองเงินๆทองๆ ที่ได้จากการถูกหวย ด้วยคำแนะนำของเพื่อนจึงไปประเทศออสเตรเลีย เมื่อช่วงปี พ.ศ. 2543 ประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว
เดินทางไปความรู้เพียงแค่ ชั้นมัธยม3 พูดภาษาอังกฤษ ก็พูดไม่ได้ แต่ก็อดทนไม่เคยย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรค
งานแรกที่ต่างประเทศคือล้างจาน</div>
<div style="text-align: justify;">
เส้นทางต่อไปของ คุณฉันท์ คำทองแท้ ที่ประเทศออสเตรเลียจะเป็นอย่างไรเรามาดูจากคลิปรายการเจาะใจกันครับ<br />
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
</div>
<div style="text-align: center;">
</div>
<div style="text-align: center;">
<object height="281" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/cjUV5mpT6S8?version=3&hl=th_TH"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/cjUV5mpT6S8?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="281" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object> </div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<object height="281" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/-7alvYUGE24?hl=th_TH&version=3"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/-7alvYUGE24?hl=th_TH&version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="281" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object> </div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<object height="281" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/yirIyoyNxv8?version=3&hl=th_TH"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/yirIyoyNxv8?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="281" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object><br />
<br />
<br />
<div style="text-align: left;">
สู้เท่านั้นครับ อย่าท้อถอยถ้าคิดจะสู้ก็รีบสู้ตอนมีแรงอยู่ อย่ารักสบายเกินไปในตอนที่มีเรี่ยวแรง อีกอย่าง</div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<b>“ถ้าคนเรายอมรับโชคชะตาตัวเองตั้งแต่ต้นโดยที่ไม่ทำอะไรเลยเราก็คงไม่มีวันประสบความสำเร็จ”</b></div>
<div style="text-align: left;">
<br />
<br />
<b><b>อาจารย์ปอ เซียนกาแฟ</b> </b></div>
</div>
<div style="margin-top: 150px; text-align: center;">
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<br />
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-4492326226649685" data-ad-slot="4174800971" style="display: inline-block; height: 250px; width: 300px;"></ins><script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
WinWinhttp://www.blogger.com/profile/10523524193155070750noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-37297230835297391532014-09-29T09:31:00.004+07:002014-10-01T23:19:07.141+07:00"8 ข้อคิดจากชีวิตของมหาเศรษฐีล้านล้าน Jack Ma"<div style="text-align: justify;">
ในเวลานี้ผู้คนทั่วโลกล้วนกล่าวถึงเรื่องของ <b>Jack Ma (แจ๊ค หม่า)</b> มหาเศรษฐีล้านล้านผู้ก่อตั้ง <b>Alibaba </b>บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน ผลักดันวงการ <b>E Commerce</b> ของจีนให้เติบโต รุ่งเรือง และก้าวขึ้นสู่ระดับโลกได้จนเป็นที่กล่าวขวัญของคนในวงการในทั่วโลกอย่างกว้างขวาง</div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-eA5hdKFj30s/VCjDB8xO-BI/AAAAAAAAAqw/aiZfePMUiwA/s1600/jack%2Bma.jpg" height="340" width="500" /></div>
<br />
<div style="text-align: justify;">
<b>Jack Ma (แจ๊ค หม่า) </b>ผู้ฆ่ายักษ์ ในวันนี้ Alibaba ยักษ์ใหญ่ด้าน <b>E Commerce </b>จากจีน ได้เสนอหุ้น IPO ที่หุ้นละ 68
เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งนั่นผลักให้ Alibaba
กลายเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่า eBay, Twitter และ
LinkedIn รวมกัน</div>
<div style="text-align: justify;">
วันนี้ ทุกๆอณูชีวิตของ <b>Jack Ma (แจ๊ค หม่า)</b> จึงเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วโลกที่จะกล่าวถึงความเป็นมาและสิ่งที่ผลักดันให้เค้าประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ในการผลักดันความสำเร็จในชีวิตของผู้คนอีกมากมายทั่วโลก</div>
<br />
<a name='more'></a><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-aurcTQQ9GsY/VCmrYb8oaSI/AAAAAAAAArk/120mk8UF0Rs/s1600/Jack_Ma.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-aurcTQQ9GsY/VCmrYb8oaSI/AAAAAAAAArk/120mk8UF0Rs/s1600/Jack_Ma.jpg" height="400" width="400" /></a></div>
<br />
<h3>
"8 ข้อคิดจากชีวิตของมหาเศรษฐีล้านล้าน Jack Ma"</h3>
<br />
<ol>
<li>คนเราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตและหาประสบการณ์ชีวิต</li>
<li>ผมบอกกับตัวเองเสมอว่าคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงาน แต่เพื่อสนุกกับชีวิต และเราเกิดมาเพื่อทำสิ่งที่ดีกว่า ไม่ได้เพื่อทำงาน</li>
<li>"ทัศนคติของคุณนั้นสำคัญกว่าความสามารถ" และ "การตัดสินใจของคุณนั้นก็สำคัญกว่าความสามารถ"</li>
<li>โลกนี้จำไม่ได้หรอกว่าคุณพูดอะไรไป แต่จะไม่ลืมสิ่งที่คุณทำ</li>
<li>ถ้าหากมีข้อเสนอนึงมาให้ แล้วคนส่วนใหญ่ (มากกว่า 90%) ตอบว่าข้อเสนอนี้มัน “ใช่”, ผมจะทิ้งข้อเสนอนั้นลงถังขยะในทันที ..เหตุผลง่ายนิดเดียวคือ “ถ้าหากมีคนอยู่เยอะที่คิดว่าข้อเสนอนี้ดี แสดงว่าต้องมีคนอยู่อีกเยอะเช่นกันที่กำลังทำงานนี้อยู่ และโอกาสนั้นมันก็ไม่ได้เป็นของเราแล้ว”</li>
<li>คุณไม่สามารถที่จะทำให้คนทุกคนคิดเหมือนกันได้หรอก แต่คุณสามารถทำให้ทุกคนก้าวไปทางเดียวกันได้ด้วยเป้าหมายเดียวกัน</li>
<li>หากคุณมองทุกคนรอบตัวเป็นศัตรู ทุกคนรอบตัวคุณก็จะเป็นศัตรูของคุณ หากคุณทำการแข่งขันกับคู่แข่ง อย่าพยายามใช้ความเกลียดชัง "ความเกลียดจะทำให้คุณพ่ายแพ้"</li>
<li>การแข่งขันนั้นคล้ายกับการเล่นหมากกระดานหากคุณแพ้กระดานนี้ คุณก็มีโอกาสเล่นต่อในกระดานต่อไป ดังนั้นทั้งสองฝั่งไม่ควรจะสู้กันเอง นักธุรกิจที่แท้จริงนั้นไม่ควรมีศัตรูเลย หากใครเข้าใจจุดนี้ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ในโลกธุรกิจ"</li>
</ol>
<br />
<br />
<div style="text-align: justify;">
<b>Jack Ma (แจ๊ค หม่า)</b> หรือชื่อจริง ๆ ว่า หม่า หยุน เป็นชาวจีนจากเมืองหังโจวที่เกิดในครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะดีนัก แต่เขาฉายแววใฝ่เรียนรู้แบบไม่เหมือนใครตั้งแต่เด็ก เขาชื่นชอบภาษาอังกฤษมาก และตั้งแต่อายุ 12 ปี แจ๊ค หม่า พยายามเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตัวเองมาโดยตลอด ทุกเช้าเขาจะปั่นจักรยานกว่า 40 นาที ไปยังโรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนจะเข้าไปคุยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แล้วเสนอตัวเป็นไกด์ให้เพื่อฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษ</div>
<div style="text-align: justify;">
ชีวิตในโรงเรียนของเขาก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เขามักจะถูกเพื่อนล้อเสมอเพราะเขาตัวเล็กกว่าคนอื่น และเขาเองก็ไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไรนัก ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาสอบไม่ติดถึง 2 ครั้ง ก่อนที่สุดท้ายจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยครูหังโจวได้ และเมื่อเรียนจบเขาก็เป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ 5 ปี เงินเดือนอยู่ที่ราว ๆ 500-600 บาทเท่านั้น</div>
<div style="text-align: justify;">
แต่โอกาสในชีวิตเขาก็มาถึง เมื่อวันหนึ่งในปี 2538 เขาได้เดินทางไปเป็นล่ามที่เมืองซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา และที่นั่น เพื่อนของเขาได้แนะนำให้เขารู้จักกับอินเทอร์เน็ต ในตอนนั้นหม่าเองเพิ่งจะเคยสัมผัสกับคีย์บอร์ดเป็นครั้งแรก ก่อนจะตระหนักว่าที่ยังไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับจีนในอินเทอร์เน็ตมากนัก</div>
<div style="text-align: justify;">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-Xn7eA4kFBug/VCjDMi07HFI/AAAAAAAAAq4/qT-EXibx8oU/s1600/alibaba.jpg" height="248" width="400" /></div>
<br />
หลังจากกลับประเทศจีนในตอนนั้น หม่าจึงเริ่มต้นทำสมุดหน้าเหลืองออนไลน์เกี่ยวกับธุรกิจเป็นครั้งแรก แต่มันก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไร จนเมื่อปี 2542 หม่าจึงได้รวมกลุ่มกับเพื่อน จัดตั้งบริษัทอีคอมเมิร์ส นามว่า <b>Alibaba</b> ขึ้น ด้วยเงินทุนราว 2 ล้านบาท ซึ่งหม่าเป็นคนเลือกชื่อนี้เองเพราะอยากให้คนทุกชาติทุกภาษาสามารถออกเสียงได้อย่างง่าย ๆ </div>
<div style="text-align: justify;">
ต่อมาในปี 2546 หม่าได้เปิดเว็บไซต์ Taobao ขึ้น เพื่อสร้างธุรกิจออนไลน์ที่ใช้งานได้ง่าย ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวจีน ซึ่งในตอนแรก ๆ นั้น ธุรกิจของเขาก็ดำเนินไปอย่างเรียบ ๆ ไม่มีกำไร เพราะมีคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่าง eBay อยู่ แต่หม่าก็ไม่ยอมแพ้ เขาคิดว่า eBay นั้นเป็นเหมือนฉลามในมหาสมุทร และบริษัทเขาเป็นจระเข้ในแม่น้ำ ดังนั้นเขาต้องไม่ต่อสู้ในมหาสมุทร เพราะมันจะแพ้ แต่หากเขาเลือกต่อสู้ในแม่น้ำซึ่งเป็นถิ่นตัวเอง เขาจะชนะ และมันก็เป็นจริงดังที่เขาคาดคิด เพราะเพียงแค่ 3 ปี<b> Taobao</b> ก็พลิกโผขึ้นมาครองส่วนแบ่งตลาดเกินกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ จน eBay ถอยทัพออกจากจีนในปลายปี 2548 และนับแต่นั้นมา Taobao ก็กลายเป็นเพชรเม็ดงามของยักษ์ใหญ่สัญชาติจีนอย่าง Alibaba และปัจจุบันก็เป็นเว็บไซต์ชอปปิ้งออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน ขณะที่ความสำเร็จครั้งนี้ได้ผลักให้หม่ากลายเป็นหนึ่งในเศรษฐีที่รวยที่สุดในจีน</div>
<div style="text-align: justify;">
จากเงินทุนเพียง 2 ล้านบาท ปัจจุบันนักวิเคราะห์คาดว่า <b>Alibaba</b> มีมูลค่าตลาดที่ระหว่าง 4.8- 8 ล้านล้านบาท และการเสนอขายหุ้นในอเมริกาครั้งนี้ นับว่าเป็นหนึ่งในมหกรรมการจำหน่ายหุ้นครั้งแรกครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกาเลยทีเดียว<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="375" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/KVkXoCmp_3o?hl=th_TH&version=3"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/KVkXoCmp_3o?hl=th_TH&version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
</div>
</div>
<div style="margin-top: 150px; text-align: center;">
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<br />
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-4492326226649685" data-ad-slot="4174800971" style="display: inline-block; height: 250px; width: 300px;"></ins><script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
WinWinhttp://www.blogger.com/profile/10523524193155070750noreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-32196769458420156922014-09-27T02:34:00.002+07:002014-09-27T08:29:51.233+07:00วิถีแห่งสันโดษ วิถี "ผีบ้าแห่งปาย" <div style="text-align: justify;">
<b>สันโดษ สุขแก้ว</b> คือเจ้าของฉายา <b>“ผีบ้าแห่งเมืองปาย” </b>ด้วยการที่ในปัจจุบันนี้คนที่ทำตัว หรือมีแนวคิดที่แตกต่างจากคนอื่นๆในสังคม มักจะถูกเพ่งมองว่าแปลกหรือแตกต่าง เหมือนคนไม่ปกติอันเป็นธรรมดาเสียแล้วในสังคมเหมืองไทยการคิดอะไรแปลกๆ ทำอะไรแปลกๆ ชาวบ้านใกล้เคียง หรือชาวเมืองปาย ต่างเรียกเขาด้วยชื่อนี้ <b>" สันโดษ ผีบ้าแห่งเมืองปาย "</b></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-V4S7zLtFiRw/VCW8_hqEAMI/AAAAAAAAAp4/FOFBiZ73Xfw/s1600/sandod2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-V4S7zLtFiRw/VCW8_hqEAMI/AAAAAAAAAp4/FOFBiZ73Xfw/s1600/sandod2.jpg" /></a></div>
<br />
<div style="text-align: justify;">
ทั้งยังเป็นเจ้าของ<b> “ไฮ่อุ๊ยต๋าคำปาย” </b>โฮมสเตย์ที่ตั้งอยู่ในตำบลทุ่งยาว อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่ห่างตัวอำเภอไปไม่ไกลนัก ซึ่งคำว่าไฮ่อุ๊ยต๋าคำปาย นั้น “ไฮ่” ก็คือไร่ “อุ๊ย” ก็คือคนแก่ในภาษาเหนือ ส่วน “ต๋าคำ” ก็คือชื่อพ่อของสันโดษนั่นเอง
ที่นี่ไม่เพียงเป็นโฮมสเตย์สำหรับให้นักท่องเที่ยวมาพัก แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตที่พึ่งพิงธรรมชาติ ไม่พึ่งพาเทคโนโลยี มีการปลูกข้าว ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ไว้กินเอง สร้างบ้านด้วยตัวเองจากวัสดุธรรมชาติ และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ได้จากประสบการณ์จริง ด้วยความคิดและความตั้งใจของสันโดษ สุขแก้วคนนี้ </div>
<div style="text-align: justify;">
หลากหลายเรื่องราว ทั้งมุมมองและประสบการณ์ ของ "ผีบ้าแห่งเมืองปาย" ผู้นี้มีแง่คิดและประเด็นที่น่าสนใจอยู่มากมายทั้งที่จริงแล้วสิ่งเหล่านี้ก็คือวิถีชีวิตดั้งเดิมของบรรพชนเรานั่นเองแต่เมื่อแนวคิดหรือวิถีชีวิตแบบนี้ถูกนำมาใช้และบอกกล่าวให้คุณในยุคปัจจุบันได้รู้เห็นกลับถูกมองเป็นวิถีชีวิตที่แปลกและแตกต่างไป วิถีชีวิต "ผีบ้าแห่งเมืองปาย" จะเป็นเช่นไรลองดูกันในคลิปครับ....</div>
<br />
<a name='more'></a><br />
<div style="text-align: center;">
<object height="375" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/MBSVOREMcDM?version=3&hl=th_TH"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/MBSVOREMcDM?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="375" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/_tmlmNaIawk?version=3&hl=th_TH"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/_tmlmNaIawk?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="375" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/X8IrAUT7M8g?version=3&hl=th_TH"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/X8IrAUT7M8g?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="375" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/P1qV_fT345g?hl=th_TH&version=3"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/P1qV_fT345g?hl=th_TH&version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
</div>
<br />
<div style="margin-top: 150px; text-align: center;">
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<br />
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-4492326226649685" data-ad-slot="4174800971" style="display: inline-block; height: 250px; width: 300px;"></ins><script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
WinWinhttp://www.blogger.com/profile/10523524193155070750noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-910059914303749782014-09-25T12:08:00.003+07:002014-09-28T09:52:38.811+07:00ชีวิตมหาโจนชีวิตเรียบง่ายแบบโจน จันไดคุณโจน จันได้ มักจะพูดให้เราเห็นได้ง่ายๆว่า "<b> ทุกวันนี้คนกว่าจะได้บ้านหลังหนึ่ง ต้องทำงานเก็บเงินเป็นยี่สิบสามสิบปี แสดงว่าแย่มาก อาหารก็แพงขึ้น และไม่มีความปลอดภัยเลย เราไม่รู้ว่าเขาเอาอะไรมาให้เรากิน</b> "<br />
<br />
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: center;">
<img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-1ltv9-PKhPA/VCOjGDqSm6I/AAAAAAAAApo/qG9P0E5sxGU/s1600/jon.jpg" height="265" width="400" /></div>
<br />
การพัฒนาที่เป็นอยู่ ชีวิตที่คนทุกวันนี้เป็นอยู่เป็นสิ่งที่หาสาระไม่ได้เลย
เราทำไปด้วยความงมงาย ด้วยความไม่รู้เรื่องรู้ราว ทำชีวิตให้ยากขึ้นๆ ๆ ๆ
จนลืมไปว่าชีวิตเกิดมาทำไม ครอบครัวเป็นยังไง มีความสำคัญยังไง
ธรรมะคืออะไร ความสุขเป็นยังไง ไม่มีใครสอนเลย
คนมีแต่ซื้อๆๆๆ เพื่อให้มีความสุข แต่ความจริงเป็นอย่างนั้นมั้ย?
“คนบอกว่าอยากมีเสรีภาพ ต้องมีโทรศัพท์มือถือ ต้องมีอะไรมากมาย
และจะมีเสรีภาพอย่างที่เขาโฆษณา แต่ความจริงมันคือเสรีภาพจริงๆ มั้ย?
มนุษย์ต้องหาเงินเป็นแสนเป็นล้านเพื่อให้มีบ้านสักหลัง
ขณะที่ นก หนู สามารถทำรังได้ในวันเดียว<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<b> “เมื่อมนุษย์ที่ได้ชื่อว่าฉลาดที่สุดในโลก แต่ทำไมเราทำในสิ่งที่โง่ที่สุด”</b></div>
<br />
โจนบอกว่ามันผิด ถ้ายากแสดงว่ามันผิด ชีวิตแบบมหาโจน (โจน จันได) ที่ว่ากันว่าเรียบง่ายและสงบสุขที่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ใครต่อใครมาแล้วหลายๆคน บ้างก็เอาเป็นแบบอย่าง บ้างก็เอาดูไว้เป็นข้อคิดปรับเข้ากับวิถีชีวิตตนเอง คลิปต่อไปนี้เราลองมาดูการถ่ายทอดความคิดของเขากันอีกสักครั้งว่าจะเป็นอย่างไร....</div>
<div style="text-align: justify;">
<a name='more'></a></div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<object height="375" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/X7WQiwSOZGw?hl=th_TH&version=3"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/X7WQiwSOZGw?hl=th_TH&version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br />
<br />
โจน จันได <b>มหาโจน</b>ผู้ที่ยังคอยเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั้งโลกอีกหลายๆคน
<br />
<div style="margin-top: 150px; text-align: center;">
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<br />
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-4492326226649685" data-ad-slot="4174800971" style="display: inline-block; height: 250px; width: 300px;"></ins><script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
WinWinhttp://www.blogger.com/profile/10523524193155070750noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-25280031954990157942014-09-23T23:37:00.001+07:002014-09-28T08:56:19.688+07:00อ.เดชา ศิริภัทร คนไทยตัวอย่าง<br />
<div style="text-align: justify;">
<a href="https://2.bp.blogspot.com/-YVu-u002qG0/VCMkN1JYKMI/AAAAAAAAApY/AoNhIUxIJPA/s1600/decha.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"></a>“อ.เดชา ศิริภัทร” ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “อาจารย์เดชา” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิข้าวขวัญ และ โรงเรียนชาวนา ผู้ซึ่งคุ้นเคยกับชาวนามาตั้งแต่เกิด <i><b> “จะอุทิศตนเองและการทำงานขององค์กรเพื่อทำงานใช้หนี้บุญคุณของชาวนาตราบจนบั้นปลายของชีวิต”</b></i> ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตรที่เหมาะสมกับท้องถิ่น พัฒนาพันธุกรรมข้าวและพืชพื้นบ้าน<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<img border="0" src="http://2.bp.blogspot.com/-QD6wgKR2orc/VCdqkyPFonI/AAAAAAAAAqg/z2UEfn9Xoz8/s1600/decha2.JPG" height="283" width="400" /></div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
<b>“มูลนิธิข้าวขวัญ”</b>
ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าว และระบบการปลูกข้าวที่ถูกที่วิธี ให้ผลผลิตสูง ต้นทุนต่ำ และปลอดสารเคมี ชาวนาที่ทำตามวิธีของมูลนิธิข้าวขวัญได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตรให้เป็นเกษตรกรดีเด่นสาขาทำนา 2 คน คือ ชัยพร พรหมพันธุ์ ปี 2538 และทองเหมาะ แจ่มแจ้ง ปี 2549 </div>
<div style="text-align: justify;">
ที่สำคัญกว่ารางวัลเกษตรกรดีเด่นคือ ทำให้ชาวนาที่เคยยากจน กลายเป็นชาวนารวย “ชัยพร พรหมพันธ์” คือตัวอย่างที่ชัดเจนและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางผ่านสื่อต่างๆ มากมาย แต่ทำไมชาวนาจำนวนมากไม่ยอมเปลี่ยนวิถีการทำนาให้ถูกวิธีตามวิถีของมูลนิธิข้าวขวัญ ทั้งที่เห็นชัดเจนว่า ทำแล้วชีวิตมั่นคงขึ้น </div>
<div style="text-align: justify;">
อะไรคือปัญหาหรืออุปสรรคที่ชาวนาไม่ยอมเปลี่ยนวิถีการทำนาให้ถูกต้อง และนโยบายของรัฐบาลที่ทำกันมาตลอดทำไมยังแก้ปัญหาความยากจนของชาวนาไม่ได้สักที </div>
<div style="text-align: justify;">
คำถามต่างๆ ดังกล่าวหาคำตอบจาก <b>“เดชา ศิริภัทร”</b> ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “อาจารย์เดชา” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิข้าวขวัญ และ โรงเรียนชาวนา ผู้ซึ่งคุ้นเคยกับชาวนามาตั้งแต่เกิด </div>
<div style="text-align: justify;">
ติดตามชมได้จากคลิปรายการปราชญ์เดินดิน คุณครูชาวนา "อ.เดชา ศิริภัทร"
</div>
<a name='more'></a><div style="margin-top: 40px; text-align: center;">
<object height="375" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/d5qZu1FGfMw?version=3&hl=th_TH"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/d5qZu1FGfMw?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
</div>
<div style="margin-top: 40px; text-align: center;">
<object height="375" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/F0vSpZLWs2w?version=3&hl=th_TH"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/F0vSpZLWs2w?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
</div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<b>"การทำงานก็คือการปฏิบัติธรรม เพื่อประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน และสังคมโดยส่วนรวม"</b>
</div>
<br />
คุณครูชาวนา "อ.เดชา ศิริภัทร"
<br />
<div style="margin-top: 150px; text-align: center;">
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<br />
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-4492326226649685" data-ad-slot="4174800971" style="display: inline-block; height: 250px; width: 300px;"></ins><script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
<!-- Blogger automated replacement: "https://2.bp.blogspot.com/-YVu-u002qG0/VCMkN1JYKMI/AAAAAAAAApY/AoNhIUxIJPA/s1600/decha.jpg" with "https://2.bp.blogspot.com/-YVu-u002qG0/VCMkN1JYKMI/AAAAAAAAApY/AoNhIUxIJPA/s1600/decha.jpg" --><!-- Blogger automated replacement: "https://images-blogger-opensocial.googleusercontent.com/gadgets/proxy?url=http%3A%2F%2F2.bp.blogspot.com%2F-YVu-u002qG0%2FVCMkN1JYKMI%2FAAAAAAAAApY%2FAoNhIUxIJPA%2Fs1600%2Fdecha.jpg&container=blogger&gadget=a&rewriteMime=image%2F*" with "https://2.bp.blogspot.com/-YVu-u002qG0/VCMkN1JYKMI/AAAAAAAAApY/AoNhIUxIJPA/s1600/decha.jpg" -->Win Winhttp://www.blogger.com/profile/05985590215298561678noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-57805550227437105112011-05-21T20:41:00.000+07:002014-09-25T13:03:37.150+07:00" แกะดำทำธุรกิจ " คิดให้เป็น แกะดำคน ที่เป็นแกะดำต้องกล้าทำสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทำคือ <b>Invent the rules </b>เราคือคนสร้างกฏ แล้วคนอื่นต้องเล่นเกมส์ ตามกฏที่เราสร้างขึ้นมา หลักการแกะดำมีอยู่หลายข้อ แต่ที่สำคัญมีอยู่สองข้อ<br />
<b>หนึ่ง</b> Observe the mass and do the opposite<br />
<b>สอง</b> Always look for opportunity where both parties benefit<br />
<br />
<h3 style="text-align: left;">
<a href="https://4.bp.blogspot.com/-dTQn1VoMqhs/VCMi-WhQkYI/AAAAAAAAApE/saO9I7VP93c/s1600/prasert.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-dTQn1VoMqhs/VCMi-WhQkYI/AAAAAAAAApE/saO9I7VP93c/s1600/prasert.JPG" /></a>ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์</h3>
<div style="text-align: justify;">
ประเสริฐเป็น Strategist และนักคิด ที่สนใจแนวคิด Contrarian thinking เขานำวิธีคิดนี้มาสร้างบริษัท Brand Connections จากความไม่มีอะไรจนกลายเป็น Media agency ของคนไทยที่ใหญ่ที่สุดด้วยบิลลิ่ง กว่า 1,700 ล้านบาท</div>
<div style="text-align: justify;">
ประเสริฐร่วมก่อตั้งบริษัทแกะดำทำธุรกิจด้วยเป้าประสงค์ที่ต้องการ เปลี่ยนแปลงประเทศไทย โดยใช้จุดแข็งของเขาที่เป็น Contrarian strategist ช่วยผู้ประกอบการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มาทำธุรกิจบนความคิดสร้างสรรค์ เป็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่รากฐานของการทำธุรกิจเพื่อสร้างความเติบโตอย่างก้าว กระโดด"</div>
<h3>
</h3>
<h3>
</h3>
<h3>
นฤมล บุญทวีกิจ</h3>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://4.bp.blogspot.com/-tu7lk_xY6-o/VCMi-Si5KlI/AAAAAAAAApI/oE2gWOFJJMU/s1600/naraumon.JPG" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-tu7lk_xY6-o/VCMi-Si5KlI/AAAAAAAAApI/oE2gWOFJJMU/s1600/naraumon.JPG" /></a></div>
<div style="text-align: justify;">
นฤมลเป็น Strategist และนักการตลาดที่เชื่อในพลังของความเป็นอิสระในการคิดและการ กระทำ ทำให้เธอร่วมก่อตั้งบริษัทแกะดำทำธุรกิจ เพืึ่อที่จะช่วยผู้ประกอบการปลดล็อคตนเองให้มาทำธุรกิจบนความคิดริเริ่มและ ความคิดสร้างสรรค์ นฤมลเป็นนักคิดและนักปฏิบัติ นำด้วย Strategy ให้สอดรับกับงาน Operation เธอใช้จินตนาการผสมผสานกับตรรกะช่วยลูกค้าเพิ่มยอดขายในระยะสั้นพร้อมวางเสา เข็มให้กับธุรกิจในระยะยาว โดยเป็นคู่คิดที่หาเส้นผมบังภูเขาเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ และเขียนโมเดลของธุรกิจให้การธุรกิจโตแบบมีรากแก้ว</div>
<div style="text-align: justify;">
เธอร่วมกับประเสริฐทำ Workshop พร้อมมีส่วนร่วมกับประเสริฐในงานเขียนหนังสือ Series แกะดำ"</div>
<br />
สำหรับผู้สนใจรายละเอียด "แกะดำทำธุรกิจ" กดดูคลิปได้จากรายการ "รายการคนวงใน" ครับ<br />
<a name='more'></a><div style="text-align: center;">
<br />
<br />
<b>รายการคนวงใน "แกะดำทำธุรกิจ" ชุดที่ 1</b></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="349" width="425"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/HMk_qudf9ng?fs=1&hl=en_US"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="http://www.youtube.com/v/HMk_qudf9ng?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" width="425" height="349" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<b>รายการคนวงใน "แกะดำทำธุรกิจ" ชุดที่ 2</b></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="349" width="425"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/JSC_b-7zbmA?fs=1&hl=en_US"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="http://www.youtube.com/v/JSC_b-7zbmA?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" width="425" height="349" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br />
<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<b>รายการคนวงใน "แกะดำทำธุรกิจ" ชุดที่ 3</b></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="349" width="425"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/DuImhrUOlXQ?fs=1&hl=en_US"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="http://www.youtube.com/v/DuImhrUOlXQ?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" width="425" height="349" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<b>การบรรยาย "คิดให้เป็นแกะดำ" 1</b></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="349" width="425"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/EWxn7Ygqk6o?fs=1&hl=en_US"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="http://www.youtube.com/v/EWxn7Ygqk6o?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" width="425" height="349" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<b>การบรรยาย "คิดให้เป็นแกะดำ" 2</b></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="349" width="425"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/qE6RCwxktQA?fs=1&hl=en_US"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="http://www.youtube.com/v/qE6RCwxktQA?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" width="425" height="349" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
การบรรยาย "คิดให้เป็นแกะดำ" 3</div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="349" width="425"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/Y-4sJUw7oIQ?fs=1&hl=en_US"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="http://www.youtube.com/v/Y-4sJUw7oIQ?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" width="425" height="349" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<b>การบรรยาย "คิดให้เป็นแกะดำ" 4</b></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="349" width="425"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/4wmMaWAcla4?fs=1&hl=en_US"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="http://www.youtube.com/v/4wmMaWAcla4?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" width="425" height="349" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<b>การบรรยาย "คิดให้เป็นแกะดำ" 5</b></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="349" width="425"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/nm1uqMoyiy8?fs=1&hl=en_US"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="http://www.youtube.com/v/nm1uqMoyiy8?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" width="425" height="349" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<div style="margin-top: 150px; text-align: center;">
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<br />
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-4492326226649685" data-ad-slot="4174800971" style="display: inline-block; height: 250px; width: 300px;"></ins><script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
<!-- Blogger automated replacement: "https://images-blogger-opensocial.googleusercontent.com/gadgets/proxy?url=http%3A%2F%2F4.bp.blogspot.com%2F-dTQn1VoMqhs%2FVCMi-WhQkYI%2FAAAAAAAAApE%2FsaO9I7VP93c%2Fs1600%2Fprasert.JPG&container=blogger&gadget=a&rewriteMime=image%2F*" with "https://4.bp.blogspot.com/-dTQn1VoMqhs/VCMi-WhQkYI/AAAAAAAAApE/saO9I7VP93c/s1600/prasert.JPG" --><!-- Blogger automated replacement: "https://4.bp.blogspot.com/-dTQn1VoMqhs/VCMi-WhQkYI/AAAAAAAAApE/saO9I7VP93c/s1600/prasert.JPG" with "https://4.bp.blogspot.com/-dTQn1VoMqhs/VCMi-WhQkYI/AAAAAAAAApE/saO9I7VP93c/s1600/prasert.JPG" --><!-- Blogger automated replacement: "https://4.bp.blogspot.com/-tu7lk_xY6-o/VCMi-Si5KlI/AAAAAAAAApI/oE2gWOFJJMU/s1600/naraumon.JPG" with "https://4.bp.blogspot.com/-tu7lk_xY6-o/VCMi-Si5KlI/AAAAAAAAApI/oE2gWOFJJMU/s1600/naraumon.JPG" --><!-- Blogger automated replacement: "https://images-blogger-opensocial.googleusercontent.com/gadgets/proxy?url=http%3A%2F%2F4.bp.blogspot.com%2F-tu7lk_xY6-o%2FVCMi-Si5KlI%2FAAAAAAAAApI%2FoE2gWOFJJMU%2Fs1600%2Fnaraumon.JPG&container=blogger&gadget=a&rewriteMime=image%2F*" with "https://4.bp.blogspot.com/-tu7lk_xY6-o/VCMi-Si5KlI/AAAAAAAAApI/oE2gWOFJJMU/s1600/naraumon.JPG" -->Win Winhttp://www.blogger.com/profile/05985590215298561678noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-28237135239013759982011-04-26T21:46:00.000+07:002014-09-25T13:26:12.652+07:00การทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ แบบ ถูกวิธี<img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-DWGmh1ZlbDI/VCJEMnhsE_I/AAAAAAAAAbY/Wr1wXCOEXgE/s1600/goodwork.jpg" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;" /><b style="background-color: white; color: #20124d;"></b><br />
<div style="text-align: justify;">
<b style="background-color: white; color: #20124d;"><b>เพราะยุคนี้เป็นยุคดิจิตอล</b><span style="background-color: transparent;"> จึงทำให้การทำงานต่างๆ ต้องอาศัยคอมพิวเตอร์ช่วยในการทำงานเป็นหลัก ด้วยความสะดวกสบายนี้จึงทำให้หลายคน โดยเฉพาะหนุ่มสาววัยทำงานที่มีมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ เพื่อต้องการเคลียร์งานให้เสร็จ</span></b></div>
<br />
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
แต่ หารู้ไม่ว่าการนั่งทำงานเป็น<b style="color: #0b5394;">เวลานานๆ เกิน 1 ชั่วโมงโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหลัง ก้นกบ สะโพก และขาเกร็ง รวมไปถึงข้อ เส้นเอ็น และอวัยวะภายใน</b> ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามมา</div>
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
ดร.แพทริก อิริคสัน ไคโรแพรคเตอร์ จากประเทศสหรัฐอเมริกา ประจำคลินิกกายภาพบำบัดดีสปายน์ ไคโรแพรคติก กล่าวว่า อาชีพที่เสี่ยงเป็นโรคปวดหลังมากที่สุดก็คือ นักกราฟฟิกดีไซน์ พนักงานคีย์ข้อมูล และนักบัญชี ซึ่งบุลคลเหล่านี้มักใช้เวลานั่งอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน บางครั้งถึงกับข้ามคืนเลยก็มี ที่แย่ไปกว่านั้นยังมีวิธีการนั่งแบบผิดลักษณะท่าทาง</div>
<div style="text-align: justify;">
นอกจากนั้นยัง มีการใช้เก้าอี้ไม่ตรงกับสรีระจึงทำให้เกิดอาการปวดหลังตามมาได้ ซึ่งการปรับเก้าอี้ จัดวางคอมพิวเตอร์ และจัดองค์ประกอบต่างๆ จะช่วยทำให้การนั่งทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นลองทำตามคำแนะนำในคลิปนี้กันนะครับ</div>
<a name='more'></a>
<br /><br />
<div style="text-align: center;">
<object width="500" height="375"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/tGhREojZsbI?version=3&hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/tGhREojZsbI?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
</div>
<div style="margin-top: 150px; text-align: center;">
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<br />
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-4492326226649685" data-ad-slot="4174800971" style="display: inline-block; height: 250px; width: 300px;"></ins><script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
Win Winhttp://www.blogger.com/profile/05985590215298561678noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-40864733724104434362011-04-21T20:25:00.000+07:002014-09-25T02:51:31.369+07:00การบริหารสมองเป็น 2 เท่า ด้วย Brain Activation
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-3xf-D5qPKvY/VCMgnJx0LFI/AAAAAAAAAo4/4Nv3ttJdjaQ/s1600/brain.jpg" height="240" width="320" /></div>
<br />
<b style="color: blue;">การบริหารสมอง</b> <span style="color: #274e13;">หมายถึง</span> การบริหารร่างกายในส่วนที่สมองควบคุมโดยเฉพาะกลุ่มเส้นประสาท Corpus Callosum ซึ่งเชื่อมสมอง 2 ซีกเข้าด้วยกันให้ประสานกัน แข็งแรงและทำงานคล่องแคล่วอันจะทำให้การถ่ายโยงข้อมูลและการเรียนรู้ของสมอง 2 ซีกเป็นไปอย่างสมดุลเกิดประสิทธิภาพและยังช่วยให้เกิดความผ่อนคลายความตึง เครียด ทำให้สภาพจิตใจเกิดความพร้อมที่จะเรียนรู้ เกิดความจำทั้งระยะสั้นและระยะยาว มีอารมณ์ขันเพราะคลื่นสมอง (Brain Wave) จะลดความเร็วลงคลื่นเบต้า (Beta) เป็น อัลฟา (Alpha) ซึ่งเป็นสภาวะที่สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด<br />
<br />
<a href="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif02.gif" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif02.gif" height="183" width="107" /></a><b style="color: #351c75;">1.การบริหารปุ่มสมอง</b><br />
ใช้ มือขวาวางบริเวณที่ใต้กระดูกคอและซี่โครงของกระดูกอก หรือที่เรียกว่าไหปลาร้าจะมีหลุมตื้นๆ บนผิวหนังใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ คลำหาร่องหลุ่มตื้นๆ 2 ช่องนี้ซึ่งห่างกันประมาณ 1 นิ้วหรือมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับขนาดร่างกายของแต่ะละคนที่มีขนาดไม่เท่ากัน ให้นวดบริเวณนี้ประมาณ 30 วินาที และให้เอามือซ้ายวางไปที่ตำแหน่งสะดือ ในขณะที่นวดปุ่มสมองก็ให้กวาดตามองจากซ้ายไปขวา ขวาไปซ้ายและจากพื้นขึ้นเพดาน<br />
<div style="text-align: right;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<b style="color: #38761d;">ประโยชน์ของการบริหารปุ่มสมอง</b></div>
-เพื่อกระตุ้นระบบประสาทและเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองให้ดีขึ้น<br />
-ช่วยสร้างให้ระบบการสือสารระหว่างสมอง 2 ซีกที่เกี่ยวกับการพูด การอ่าน การเขียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น<br />
<div style="text-align: right;">
</div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif03.gif" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif03.gif" /></a></div>
<b><span style="color: #351c75;">ปุ่มขมับ</span><br />
</b>1.ใช้นิ้วทั้งสองข้างนวดขมับเบาๆวนเป็นวงกลม ประมาณ 30 วินาที ถึง 1 นาที<br />
2.กวาดตามองจากซ้ายไปขวา และจากพื้นมองขึ้นไปที่เพดาน<br />
<b><br />
</b> <b style="color: #38761d;">ประโยชน์ของการนวดปุ่มขมับ</b><br />
-เพื่อกระตุ้นระบบประสาทและเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองส่วนการมองเห็นให้ทำงานดีขึ้น<br />
-ทำให้การทำงานของสมองทั้ง 2 ซึก ทำงานสมดุลกัน<br />
<br />
<br />
<br />
<a href="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif04.gif" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif04.gif" /></a> <b style="color: #351c75;">ปุ่มใบหู</b> <br />
1.ให้นิ่วหัวแม่มือกับนิ้วชี้จับที่ส่วนบนสุดด้านนอกของใบหูทั้ง 2 ข้าง<br />
2.นวดตามริมขอบนอกของใบหูทั้ง 2 ข้างพร้อมๆกันให้นวดไล่ลงมาจนถึงติ่งหู<br />
เบาๆ ทำซ้ำหลายๆครั้ง ควรทำท่านี้ก่อนอ่านหนังสือเพื่อเพิ่มความจำและมีสมาธิมากขึ้น<br />
<b style="color: #38761d;">ประโยชน์ของการนวดใบ</b><b style="color: #38761d;">หู</b><br />
-เพื่อกระตุ้นเส้นเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงสมองส่วนการได้ยินและความจำระยะสั้นให้ดีขึ้น<br />
-สามารถเพิ่มการรับฟังที่เป็นจังหวะได้ดีขึ้น<br />
<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<a href="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif05.gif" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif05.gif" /></a></div>
<span style="color: #351c75;"> </span><b style="color: #351c75;">2.การเคลื่อนไหวสลับข้าง (Cross Crawl)</b><br />
<b>ท่าที่ 1 นับ 1-10</b><br />
ประโยชน์ของการบริหารท่านับ 1-10<br />
-เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อมือให้ประสานกัน เพื่อไม่ให้เกิดอาการนิ้วล็อค<br />
-เพื่อกระตุ้นสมองที่มีการสั่งการให้เกิดความสมดุลทั้งซ้าย-ขวา<br />
-เพื่อกระตุ้นความจำ<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<a href="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif06.gif" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif06.gif" /></a> <span style="color: #351c75;"> </span><b style="color: #351c75;">ท่าที่ 2 จีบ L</b><br />
1.ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาให้มือขวาทำท่าจีบ โดยใช้นิ้วหัวแม่มือประกบกับนิ้วชี้ส่วนนิ้วอื่นๆให้เหยียดออกไป<br />
2.มือซ้ายให้ทำเป็นรูปตัวแอล (L) โดยให้กางนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ออกไป ส่วนนิ้วที่เหลือให้กำเอาไว้<br />
3.เปลี่ยนเป็นจีบด้วยมือซ้ายบ้างทำเช่นเดียวกับข้อที่ 1 ส่วนมือขวาก็ทำเป็นรูปตัวเเอล (L)เช่นเดียวกับข้อ 2<br />
4.ให้ทำสลับกันไปมา 10 ครั้ง<br />
<b style="color: #38761d;">ประโยชน์ของการบริหารท่าจีบซ้าย-ขวา</b><br />
-เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อมือให้ประสานกัน เพื่อไม่ให้เกิดอาการนิ้วล็อค<br />
-เพื่อกระตุ้นสมองเกี่ยวกับการสั่งการให้สมดุลย์ให้มีการเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว<br />
-เพื่อกระตุ้นการทำงานความสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา<br />
<br />
<br />
<div style="color: #351c75;">
<a href="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif07.gif" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif07.gif" /></a><b> ท่าที่ 3 โป้ง-ก้อย</b></div>
1.ยกมือทั้งสองข้างให้มือขวาทำท่าโป้งโดยกำมือและยกหัวแม่มือขึ้นมา ส่วนมือซ้ายให้ทำท่าก้อย โดยกำมือและเหยียดนิ้วก้อยชี้ออกมา<br />
2.เปลี่ยนมาเป็นโป้งด้วยมือซ้ายและก้อยด้วยมือขวา<br />
3.ให้ทำสลับกันไปมา 10 ครั้ง<br />
<br />
<b style="color: #38761d;">ประโยชน์ของการบริหารท่าจีบโป้ง-ก้อย</b><br />
-เพื่อกระตุ้นการสั่งการของสมองให้สมดุลทั้งซีกซ้ายและซีกขวา<br />
-เพื่อกระตุ้นสมองส่วนการคิดคำนวณกะระยะ<br />
-เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อหัวไหล่เกิดการติดยึด<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif08.gif" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif08.gif" /></a></div>
<span style="color: #351c75;"> </span><b style="color: #351c75;">ท่าที่ 4 แตะจมูก-แตะหู</b><br />
1.มือขวาไปแตะที่หูซ้าย ส่วนมือซ้ายให้ไปแตะที่จมูก (ลักษณะมือไขวักัน)<br />
2.เปลี่ยนมาเป็นมือซ้ายแตะที่หูขวา ส่วนมือขวาไปแตะที่จมูก (ลักษณะมือไขวักัน)<br />
<br />
<b style="color: #38761d;">ประโยชน์ของการบริหารท่า แตะจมูก-แตะหู</b><br />
-ช่วยให้มองเห็นภาพด้านซ้ายและขวาดีขึ้น <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif09.gif" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif09.gif" /></a></div>
<span style="background-color: white; color: #351c75;"> </span><b style="background-color: white; color: #351c75;">ท่าที่ 5 แตะหู</b><br />
1.มือขวาอ้อมไปที่หูซ้าย ส่วนมือซ้ายอ้อมไปจับหูขวา<br />
2.เปลี่ยนมาเป็นมือซ้ายอ้อมไปจับหูขวาส่วนมือขวาอ้อมไปจับหูซ้าย<br />
<br />
<b style="color: #38761d;">ประโยชน์ของการบริหารท่าโป้ง-ก้อย,แตะจมูก-แตะหู,แตะหู</b><br />
-เพื่อกระตุ้นการสั่งการของสมองให้สมดุลทั้งซีกซ้ายและซีกขวา<br />
-เพื่อกระตุ้นสมองส่วนการคิดคำนวณกะระยะ<br />
-เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อหัวไหล่เกิดการติดยึด<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif10.gif" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://www.doctor.or.th/sites/default/files/users/user493/anigif10.gif" /></a></div>
<b style="color: #351c75;">3.การผ่อนคลาย</b><br />
ยื่นใช้มือทั้ง 2 ข้างประกบกันในลักษณะพนมมือเป็นรูปดอกบัวตูม โดยให้นิ้วทุกนิ้วสัมผัสกันเบาๆพร้อมกับหายใจเข้า-ออก ทำท่านี้ประมาณ 5-10 นาที<br />
<br />
<b style="color: #38761d;">ประโยชน์ของการบริหารท่าผ่อนคลาย</b><br />
-ทำให้เกิดสมาธิเป็นการเจริญสติ <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<b>ผู้แต่ง : อ. สุพัชรา ซิ้มเจริญ </b>
<br />
<div style="margin-top: 150px; text-align: center;">
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<br />
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-4492326226649685" data-ad-slot="4174800971" style="display: inline-block; height: 250px; width: 300px;"></ins><script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
Win Winhttp://www.blogger.com/profile/05985590215298561678noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-336888547411969712011-04-20T08:21:00.000+07:002014-09-25T02:45:21.018+07:00ข้อคิดจากแมลงวัน...<div style="background-color: white; color: #274e13;">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-qi566w_4TU8/VCJPnMhyTEI/AAAAAAAAAbs/DlKlZVuSX4s/s1600/mangone.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-qi566w_4TU8/VCJPnMhyTEI/AAAAAAAAAbs/DlKlZVuSX4s/s1600/mangone.jpg" height="158" width="320" /></a></div>
<b><br /></b>
<b>กาลครั้งหนึ่งนานแค่ใหนก็ไม่มีใครรู้........</b></div>
<br />
มีแมลงวันตัวหนึ่ง บินอย่างซุกซนแล้วหลงเข้าไปในรถยนต์ จากนั้นรถยนต์ก็ปิดหน้าต่างกระจก ประตู และแล่นไปตามถนน...<br />
<br />
แมลงวันเห็นเช่นนั้นก็หาทางออกจากรถยนต์ จึงบินออกทางหน้ากระจกรถยนต์ แต่ก็พบว่าติด ไม่สารมารถออกได้<br />
<br />
มัน<b style="color: #990000;"> ได้ใช้ความพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า </b>ชนแล้วชนอีกกับกระจกหน้ารถยนต์ แต่ก็ไม่สามารถออกได้เสียที แต่ก็ยังคงมุ่งมั่นต่อไปเพราะเชื่อว่าเป็นทางออก เพราะแสงสว่างส่องมาจาก ทางนี้ <b style="color: #274e13;">แมลงวันจึงคิดว่าทางที่มีแสงส่องคือทางออกเท่านั้น.... </b><br />
<br />
<a name='more'></a><br />
เจ้าของรถเห็นเช่นนั้นจึงเปิดหน้าต่างด้านข้างให้มันออกไปแต่แมลงวัน ก็ยัง คงมุ่งมั่นที่จะออกทางข้างหน้าต่อไป เพราะไม่รู้ว่าด้านข้างมีทางออก เพราะไม่รู้ว่าทางออกมีมากกว่าหนึ่งทาง จะใช้แต่สมการเดิมๆที่ตัวเองอยู่ในธรรมชาติมา เลยหาทางออกไม่ได้ ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่....<br />
<br />
<div style="color: #990000;">
<b>"ทำไมขยันแล้วไม่เป็นตามหวังซักที"</b></div>
<br />
เหมือนกับคนที่มุ่งมั่นกับ<b style="color: #cc0000;">สิ่งเดิมๆ</b><b style="color: #cc0000;"> งานเดิมๆ ผลตอบแทนเดิมๆ อุปสรรคเดิมๆ เพื่อนร่วมงานความคิดเดิมๆ</b> ที่เป้นของคนหมู่มากคิดว่าทางออกมีทางเดียวทำตามกระแสนิยมของคนหมู่มาก โดยที่ไม่รู้จุดหมาย ว่า "<b style="color: #990000;">เพื่ออะไร</b>" <b style="color: #b45f06;">เมื่อขยันแล้วผิดที่ผิดจุดหมายก็ไม่มีทางทีจะบรรลุเป้าหมายได้</b> เหมือนแมลงวันตัวนั้น ที่ไม่คิดจะลองเปลี่ยนมุมมอง ดูว่าทางออกรถมีหลายทางและแม้เจ้าของรถจะใจดี ให้โอกาสมันก็หาได้สนใจไม่ ก็ยังจะมุ่งมั่นกับสิ่งที่ตัวเอง "<b>เชื่อ</b>" ต่อไป แทนที่จะเชื่อในสิ่งที่ "<b>ถูกทาง</b>" และสุดท้ายก็ หมดพลังชีวิตเสียแล้วที่จะมารู้ตัวว่าสิ่งที่ตัวเอง "<b>เชื่อ</b>" ไม่ใช่ทางออกที่แท้จริง...
<br />
<div style="text-align:center;margin-top:150px;">
<script async src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<ins class="adsbygoogle"
style="display:inline-block;width:300px;height:250px"
data-ad-client="ca-pub-4492326226649685"
data-ad-slot="4174800971"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
Win Winhttp://www.blogger.com/profile/05985590215298561678noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-7034457715791362792011-03-19T02:09:00.000+07:002014-09-25T02:45:37.106+07:00การตั้งเป้าหมายชีวิตแบบสมคิด ลวางกูร<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-dEJ5qJtpABI/VCJQlp3IwAI/AAAAAAAAAb4/tskueMN59Ew/s1600/somkid.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-dEJ5qJtpABI/VCJQlp3IwAI/AAAAAAAAAb4/tskueMN59Ew/s320/somkid.jpg" height="323" width="640" /></a></div>
<br />
สมคิด ลวางกูร กับเจ้าของฉายา "<b>คนสุดขีด คิดสุดขอบ</b>" ชายหนุ่มผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว เคยขึ้นถึงจุดสูงสุดของชีวิตและ ก็เคยลงถึงจุดต่ำสุดของชีวิตหลายครั้งหลายครา เคยแม้กระทั่งไม่มีเงินเหลือติดตัว จนกระทั่งวันนี้เค้ามีพร้อมทุกอย่าง เค้าตั้งเป้าหมายชีวิตของเค้าอย่างไร ??<br />
ติดตามดูได้จากคลิป <b>"การตั้งเป้าหมาย สมคิด ลวางกูร"</b><br />
<b></b><br />
<a name='more'></a><br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<object height="375" width="500"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/2TnJEcm94zg?version=3&hl=th_TH"></param>
<param name="allowFullScreen" value="true"></param>
<param name="allowscriptaccess" value="always"></param>
<embed src="//www.youtube.com/v/2TnJEcm94zg?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<div style="text-align:center;margin-top:150px;">
<script async src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<ins class="adsbygoogle"
style="display:inline-block;width:300px;height:250px"
data-ad-client="ca-pub-4492326226649685"
data-ad-slot="4174800971"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
Win Winhttp://www.blogger.com/profile/05985590215298561678noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-57068737926156453132010-07-30T08:57:00.000+07:002014-09-25T02:45:57.935+07:00บันได 5 ขั้นสู่ชีวิตใหม่ที่มีค่าและเป็นสุข<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/_u_9qqICuuEE/TFIyK7CnHnI/AAAAAAAAAYM/UHsURMI1Dmc/s1600/smile.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/_u_9qqICuuEE/TFIyK7CnHnI/AAAAAAAAAYM/UHsURMI1Dmc/s320/smile.jpg" /></a></div>
<b><span style="color: red;"> บันไดขั้นที่ 1 </span>มองตัวเองว่าดีและมีค่าทุกวัน </b><br />
ใน <b>แต่ละวันให้นึกถึงความดี และความโชคดีของตนเอง</b> เริ่มต้นด้วยการตื่นนอนตอนเช้า ให้ยิ้มกับตัวเอง และนึกว่าโชคดีที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ให้นึกถึงความดีของตนเอง ที่เคยทำมาแล้วในอดีต (ที่ สามารถนึกได้ง่ายๆ) เช่น เคยทำบุญ เคยช่วยคนที่อ่อนแอกว่า เคยสงเคราะห์สัตว์ ฯลฯ คิดว่าตัวเองดี และมีคุณค่าที่ได้เคยทำสิ่งดีๆ และให้นึกซ้ำๆ จะได้เกิดความเชื่อตามที่นึกนั้น คุณก็จะเกิดความอิ่มเอิบใจ และเชื่อว่าตัวเองมีความดี ความเก่ง ตามความเป็! นจริงในขณะนั้นด้วย คุณจะเกิดความอยากมีชีวิตอยู่ และสร้างสิ่งที่ดีๆ ให้กับชีวิตต่อไป และต้องอวยพรตัวเองเสมอๆ อย่าแช่ง หรือตำหนิตัวเอง และอย่ารอให้คนอื่นมาชื่นชมคุณ ซึ่งมักจะไม่ได้ดั่งใจ หรือได้มาก็ไม่สมใจ<br />
<br />
<b><span style="color: red;">บันไดขั้นที่ 2</span> มองคนอื่นดี มองโลกในแง่ดี</b><br />
ขั้น นี้คุณจะต้องมองว่า ทุกๆ คน มีขีดจำกัดของความสามารถ ความดี ความเก่งกันทุกคน ตามความเป็นจริงของเขา ซึ่งไม่เท่ากัน และไม่เหมือนกันเลย ส่วนความไม่ดี หรือไม่เก่งของเขา (ซึ่ง มีกันทุกคน) ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาไป ให้มองเฉพาะส่วนที่ดีของเขาเท่านั้น ถ้าคุณทำได้เช่นนี้ คุณก็จะเป็นคนที่มองอนาคต และชีวิตดี มีความหวังที่ดีในชีวิตตลอดเวลา สองสิ่งนี้ ถ้ าคุณทำเป็นนิสัย คุณจะพบว่า โลกนี้มีสิ่งที่ดีๆ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ และท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นสุขนิยมทั้งชีวิต<b> </b><br />
<br />
<div style="text-align: left;">
<b><span style="color: red;">บันไดขั้นที่ 3</span> ทำวันนี้ให้ดีที่สุด</b></div>
<b> </b>คือ <b>การอยู่กับปัจจุบัน</b> ทำกิจกรรมในวันนี้และเวลานี้ให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ทุกข์ร้อน หรือคาดหวังกับผลลัพธ์ของมัน ไม่ว่าจะสมใจ หรือไม่สมใจก็ตาม จงชื่นชมในความตั้งใจ ทำเต็มความสามารถของตนเอง และคิดต่อว่า ในอนาคตจะต้องทำให้ดีกว่านี้ นอกจากนั้น คุณต้องเลิกจดจำ หรือนึกถึงเรื่องที่ไม่ดีที่เกิดกับคุณในอดีต เพราะการจดจำเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีต เท่ากับคุณไปสะกิดแผลในใจ และจะทำให้คุณเจ็บป! วดมากยิ่งขึ้น จนส่งผลให้ปัจจุบันคุณไม่มีความสุข และกลัวว่าอนาคตจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีซ้ำๆ อีก<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
<b><span style="color: red;">บันไดขั้นที่ 4</span> มีความหวังและเชื่อว่าอนาคตจะดีเสมอ</b><b>ความ หวัง ความเชื่อ</b> เกิดจากความคิดถึงบ่อยๆ หรือได้ยินบ่อยๆ จงนึกและบอกกับตัวเองเสมอว่า อนาคตจะดีขึ้นอีกเรื่อยๆ จะส่งผลให้เกิดกำลังใจมากขึ้น อยากพบเห็นสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตโดยไม่ก! ลัว มีอารมณ์ขัน และไม่จริงจังกับชีวิตมากนัก แต่จะมีความหวังที่ดีๆ ( Good Hope) อยู่เสมอ แต่อย่ามีความคาดหวัง ( Expectation) กับ ชีวิต เพราะถ้าคาดหวังกับชีวิต เรามักจะกลัว หรือกังวลว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ดังความคาดหวัง หรือเมื่อได้มาแล้วก็มักไม่พอใจ จึงอาจทำให้เกิดทุกข์ได้<br />
<br />
<b><span style="color: red;">บันได้ขั้นที่ 5</span> ปรับปรุงตัวเองเสมอ</b><br />
โดยปรับปรุง 4 ส่วนที่มีความสำคัญต่อชีวิต คือ<br />
<b>1.<span style="color: #274e13;">การ งาน</span> </b>ให้มีความขยัน อดทน หมั่นหาความรู้ใส่ตัว และกล้าลงมือปฏิบัติในสิ่งที่ควรทำ จะทำให้มีการลงมือทำสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตได้เรื่อยๆ และปรากฏเป็นผลงานที่ชัดเจน<br />
<b>2.<span style="color: #274e13;">ครอบ ครัว</span></b> จะต้องยึดหลักที่เป็นมงคลต่อกันคือ ไม่อิจฉา ไม่ระแวง ไม่แข่งขัน ไม่นอกใจ รู้จักการให้และการอภัย มีน้ำใจ และรู้จักเกรงใจกัน<br />
<b>3.<span style="color: #274e13;">สังคม</span></b> หมั่นสร้างมิตรเสมอ มีการให้ความสำคัญกัน ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และพูดจากันแบบปิยะวาจา<br />
<b>4.<span style="color: #274e13;">ตน เอง</span></b> ต้องมีการพัฒนาตนเองเสมอ มีความภูมิใจตนเองตามความเป็นจริง สามารถให้กำลังใจตัวเองได้ และมีกำลังใจที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น<br />
<br />
<b>ที่มาบทความ</b> <span class="f"><cite><span class="bc">www.publichot.com</span></cite></span>
<br />
<div style="text-align:center;margin-top:150px;">
<script async src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<ins class="adsbygoogle"
style="display:inline-block;width:300px;height:250px"
data-ad-client="ca-pub-4492326226649685"
data-ad-slot="4174800971"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
Win Winhttp://www.blogger.com/profile/05985590215298561678noreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-66685935076704516152010-07-28T22:43:00.000+07:002014-09-25T02:46:08.169+07:00ตำราชีวิตประจำวัน By สุทธิชัย หยุ่น<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/_u_9qqICuuEE/TFBQF2I7NiI/AAAAAAAAAYE/Pwb7ashVJY4/s1600/yoon1.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/_u_9qqICuuEE/TFBQF2I7NiI/AAAAAAAAAYE/Pwb7ashVJY4/s320/yoon1.jpg" /></a></div>
<b style="color: #cc0000;">สูตรนี้ว่าเป็น</b> <b style="color: #274e13;">Lifebook</b> <b style="color: #cc0000;">หรือเป็น</b> “<b style="color: #274e13;">ตำราแห่งชีวิต</b>” <br />
๑. ดื่มน้ำให้มาก <br />
๒. กินอาหารเช้าเหมือนราชา, รับประทานอาหารเที่ยงเหมือนเจ้าชายและเมื่อถึงอาหารเย็น,ให้วาดภาพว่าตัวเองเป็นแค่ขอทาน (แปลว่ากินมือหนักที่สุดตอนเช้า, และกลาง ๆ ตอนเที่ยง และตกเย็นแล้ว, ทำตัวเป็นยาจก, ไม่มีอะไรจะกิน...สุขภาพจะเป็นอย่างเทวดาทีเดียวเชียวแหละ)<br />
๓. กินอาหารที่โตบนต้นและบนดิน, พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ผลิตจากโรงงาน<br />
๔. ใช้ชีวิตบนหลักการ 3 E...นั่นคือ energy หรือพลังงาน, enthusiasm หรือกระตือตือร้น และ empathy คือเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มาก ๆ<br />
๕. หาเวลาทำสมาธิหรือสวดมนต์เสมอ<br />
๖. เล่นเกมสนุก ๆ เสียบ้าง, อย่าเครียดกันนักเลย<br />
๗. อ่านหนังสือให้มากขึ้น..ตั้งเป้าว่าปีนี้จะอ่านมากกว่าปีที่ผ่านมา<br />
๘. นั่งเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองสักวันละ 10 นาทีให้ได้<br />
๙. นอนวันละ 7 ชั่วโมง<br />
๑๐. เดินสักวันละ 10 ถึง 30 นาที, แล้วแต่จะสะดวก, ไม่ต้องเครียดกับมัน, วันไหนไม่ได้เดิน, ก็อย่าหงุดหงิดกับมัน<br />
๑๑. ระหว่างเดิน, อย่าลืมยิ้ม<br />
<br />
นี่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพกายและใจที่ผสมปนเปกันได้เสมอ, หากทำเป็นกิจวัตร,<br />
ชีวิตก็จะแจ่มใส,แต่อย่าทำให้ตัวเองเครียดด้วยการรู้สึกผิดถ้าหากวันไหนทำไม่ได้ตามที่วางกำหนดเวลาของตนเอาไว้ วันนี้ทำไม่ได้, พรุ่งนี้ทำก็ได้ แต่การไม่เอาจริงเอาจังกับตัวเองเกินไปไม่ได้หมายถึงการผัดวันประกันพรุ่ง, ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน<br />
<br />
<div style="color: #274e13;">
<br />
<a name='more'></a></div>
<div style="color: #274e13;">
<b>สูตรเกี่ยวกับบุคลิกของตัวเองที่ควรไปจะคู่กับสูตรสุขภาพมีอย่างนี้ครับ</b></div>
๑. อย่าเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้นเขามีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง<br />
๒. อย่าคิดทางลบเกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้ แทนที่จะมองโลกในแง่ร้าย, ก็ทุ่มเทกำลังและพลังงานให้กับความคิดทางบวก ณ ปัจจุบันเสีย<br />
๓. อย่าทำอะไรเกินกว่าที่ตัวเองทำได้...รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน<br />
๔. อย่าเอาจริงเอาจังกับตัวเองนัก เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอก<br />
๕. อย่าเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าของคุณกับเรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องซุบซิบ....นอกเสียจากว่ามันจะทำให้คุณผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง<br />
๖. จงฝันตอนตื่นมากกว่าตอนหลับ<br />
๗. ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า ๆ ปลี้ ๆ...คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว<br />
๘. ลืมเรื่องขัดแย้งในอดีตเสีย และอย่าได้เตือนสามีหรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีตของอีกฝ่ายหนึ่ง เลย เพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ<br />
๙. ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร...จงอย่าเกลียดคนอื่น<br />
๑๐.ประกาศสง บศึกกับอดีตให้สิ้น, จะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ<br />
๑๑.ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง<br />
๑๒.จงเข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียนรู้ และปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตร ซึ่งมาแล้วก็หายไป...เหมือนโจทย์วิชาพีชคณิต...แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้นอยู่กับคุณตลอดชีวิต<br />
๑๓. จงยิ้มและหัวเราะมากขึ้น<br />
๑๔. คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกแถลงกับคนอื่นหรอก..บางครั้งก็ยอมรับว่า เราเห็นแตกต่างกันได้...เห็นพ้องที่จะเห็นต่างก็ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร<br />
<div style="color: purple;">
<br /></div>
<div style="color: purple;">
<b>ทัศนคติที่เราควรจะมีต่อชุมชนและคนรอบข้างเรา</b></div>
๑. อย่าลืมโทรฯหาครอบครัวบ่อย ๆ<br />
๒. จงหาอะไรดี ๆ ให้คนอื่นทุกวัน<br />
๓. จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง<br />
๔. จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน 70 และต่ำกว่า 6 ขวบ<br />
๕. พยายามทำให้อย่างน้อย 3 คนยิ้มได้ทุกวัน<br />
๖. คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณไม่ใช่เรื่องของคุณสักหน่อย<br />
๗. งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอก แต่ครอบครัวและเพื่อนคุณต่างหากเล่าที่จะดูแลคุณ ในยามคุณมีปัญหาสุขภาพ ดังนั้น, อย่าได้ห่างเหินกับคนใกล้ชิดเป็นอันขาด<br />
<br />
<div style="color: #20124d;">
<b>การดำรงชีวิตให้มีความหมาย</b></div>
๑. ทำสิ่งที่ควรทำ<br />
๒. อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์, ไม่สวย, ไม่น่ารื่นรมย์, จงทิ้ง<br />
ไปเสีย..เก็บไว้ทำไม ?<br />
๓. เวลาย่อมรักษาแผลทุกอย่างได้<br />
๔. ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใด, เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน<br />
๕. ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวัน, จงลุกจากเตียง, แต่งตัวและปรากฎตัวต่อหน้าคนที่เราร่วมงานด้วย...get up, dress up and show up.<br />
๖. สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง<br />
๗. ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้, อย่าลืมขอบคุณพระเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือเสียด้วย<br />
๘. เชื่อเถอะว่าส่วนลึก ๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุขเสมอ...ดังนั้น, ส่วนนอกของคุณทุกข์โศกไปทำไมเล่า?
<br />
<div style="text-align:center;margin-top:150px;">
<script async src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<ins class="adsbygoogle"
style="display:inline-block;width:300px;height:250px"
data-ad-client="ca-pub-4492326226649685"
data-ad-slot="4174800971"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
Win Winhttp://www.blogger.com/profile/05985590215298561678noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-80845362954284503582010-07-26T12:50:00.000+07:002014-09-25T02:46:24.771+07:00จุดอ่อนของคนไทย 10 ประการ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/_u_9qqICuuEE/TE0jZFinDbI/AAAAAAAAAX8/CYdwtdj2Ih8/s1600/vigrom.png" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/_u_9qqICuuEE/TE0jZFinDbI/AAAAAAAAAX8/CYdwtdj2Ih8/s320/vigrom.png" height="313" width="320" /></a></div>
<b>บทวิเคราะห์จุดอ่อนของคนไทย 10 ประการ <i>โดยวิกรม กรมดิษฐ์</i></b><br />
“<b>วิกรม กรมดิษฐ์</b>” ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เจ้าของโครงการนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร พร้อมทั้งมีบริษัทในเครืออมตะอีกหลายแห่ง รวมถึงที่อยู่ในเวียดนามด้วย เขาพลิกผันตัวเองจากครอบครัวที่ทำอาชีพค้าขายในจังหวัดกาญจนบุรี มาสู่เจ้าของอาณาจักรนิคมอุตสาหกรรม<br />
<br />
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
ความคิดเห็นของ วิกรม กรมดิษฐ์ เจ้าพ่ออมตะนครที่เคยพูดถึง “จุดอ่อน” ของคนไทยไว้ 10 ข้อคือ </div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
<br />
<b>1. </b><b><span style="color: #cc0000;">คนไทยรู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก</span> </b> โดยเฉพาะ <b>หน้าที่ต่อสังคม </b>เป็นประเภทมือใครยาวสาวได้สาวเอา เกิดเป็น ธุรกิจการเมือง ธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ประเทศชาติล้าหลังไปเรื่อยๆ </div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
<br />
<b>2.</b> <b> </b><b style="color: #cc0000;">การศึกษายังไม่ทันสมัย </b> คนไทยจะเก่งแต่ภาษาของตัวเอง ทำให้ขาดโอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติในเวทีต่างๆ ไม่กล้าแสดงออก</div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
ขี้อายไม่มั่นใจในตัวเอง เราจึงตา มหลังชาติอื่น จะเห็นว่าคนมีฐานะจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกเพื่อโอกาสที่ดีกว่า </div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
<br />
<b>3. </b><b><span style="color: #cc0000;">มองอนาคตไม่เป็น</span> </b> คนไทยมากกว่า 70% ทำงานแบบไร้อนาคตทำแบบวันต่อวัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ น้อยคนนักที่จะทำงานแบบเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอ มีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน </div>
</div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
<br />
<b>4. <span style="color: #cc0000;">ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ </span></b> ทำแบบผักชีโรยหน้าหรือทำด้วยความเกรงใจ ต่างกับคนญี่ปุ่นหรือยุโรปที่จะให้ความสำคัญกับสัญญา </div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
หรือข้อตกลงอย่างเคร่ง ครัด เพราะหมายถึงความเชื่อถือในระยะยาว ปัจจุบันคนไทยถูกลดเครดิตความน่าเชื่อถือด้านนี้ลงเรื่อยๆ </div>
</div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
<br />
<a name='more'></a><br />
<b>5. </b><b><span style="color: #cc0000;">การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่</span> </b> ประชากรประมาณ 60-70% ที่อยู่ห่างไกลจะขาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเอง </div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
และชุมชนซึ่งเป็น หน้าที่ของภาครัฐที่ต้องส่งเสริม</div>
</div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
</div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
<b>6.</b> <b> </b><b><span style="color: #cc0000;">การบังคับกฎหมายไม่เข้มแข็ง</span> </b>และดำเนินการไม่ต่อเนื่อง ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก ปราบปรามไม่จริงจัง การดำเนินการ ตามกฎหมายกับผู้มีอำนาจ</div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
หรือบริวารจะทำแบบเอาตัวรอดไปก่อน ไม่มีมาตรฐาน ต่างกับประเทศที่เจริญแล้ว ข้อนี้กระบวนการยุติธรรมจะต้องปรับปรุง </div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
<br />
<b>7. </b><b style="color: #990000;"><span style="color: #cc0000;">อิจฉาตาร้อน</span> </b> สังคมไทยไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษ เลี่ยงเป็นศรีธนญชัยยกย่องคนมีอำนาจ มีเงิน โดยไม่สนใจภูมิหลัง โดยเฉพาะคนที่ล้มบนฟูกแล้ว</div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
ไป เกาะผู้มีอำนาจ เอาตัวรอด คนพวกนี้ร้ายยิ่งกว่า ผู้ก่อการร้ายดีแต่พูด มือไม่พายเอาเท้ารานํ้า ทำให้คนดีไม่กล้าเข้ามาเพราะกลัวเปลืองตัว </div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
<br />
<b>8. </b><b><span style="color: #cc0000;">เอ็นจีโอค้านลูกเดียว</span> </b>เอ็น จีโอ บางกลุ่มอิงอยู่กับผลประโยชน์เอ็นจีโอดีๆ ก็มี แต่บ้านเรามีน้อย บ่อยครั้งที่ประเทศเราเสียโอกาสอย่างมหาศาล </div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
เพราะการค้านหัวชนฝา เหตุผลจริงๆ ไม่ได้พูดกัน </div>
</div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
<br />
<b>9. </b><b><span style="color: #cc0000;">ยังไม่พร้อมในเวทีโลก</span> </b> การสร้างความน่าเชื่อถือในเวทีการค้าระดับโลกของเรายังขาดทักษะและทีมเวิร์ค ที่ดี ทำให้สู้ประเทศเล็กๆ อย่างสิงคโปร์ไม่ได้ </div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
<br />
<b>10.</b> <b><span style="color: #cc0000;">เลี้ยงลูกไม่เป็น</span> </b> ปัจจุบัน เด็กไทยขาดความอดทน ไม่มีภูมิคุ้มกันเป็นขี้โรคทางจิตใจ ไม่เข้มแข็ง เพราะเราเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่สอนให้ลูกช่วยตัวเองต่างกับชาติที่เจริญแล้ว เขาจะกระตือรือร้นช่วยตนเองขวนขวาย แสวงหา ค้นหาตัวเอง และเขาจะสอนให้สำนึกรับผิดชอบต่อสังคมข้อสุดท้าย.</div>
</div>
<div style="text-align:center;margin-top:150px;">
<script async src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<ins class="adsbygoogle"
style="display:inline-block;width:300px;height:250px"
data-ad-client="ca-pub-4492326226649685"
data-ad-slot="4174800971"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
Win Winhttp://www.blogger.com/profile/05985590215298561678noreply@blogger.com9tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-45935991790627341752010-06-18T12:37:00.000+07:002014-09-25T02:46:39.186+07:00คำคมน่าคิดคนดังระดับโลกเมื่อรู้สึกหมดกำลังใจ<a href="http://3.bp.blogspot.com/_u_9qqICuuEE/TBsG-sVzkAI/AAAAAAAAADA/pZyTWxv9se4/s1600/002.jpg" onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}"><img alt="" border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/_u_9qqICuuEE/TBsG-sVzkAI/AAAAAAAAADA/pZyTWxv9se4/s320/002.jpg" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5483984645377986562" style="cursor: pointer; float: left; height: 320px; margin: 0pt 10px 10px 0pt; width: 160px;" /></a><span style="font-size: 100%;"><span style="color: #ff6600;"><strong>1. ซาราห์ เจสสิก้า ปาร์กเกอร์</strong></span>ดาราสาวและโปรดิวเซอร์ที่ประสบความสำเร็จ อย่างท่วมท้นจากซีรี่ส์ดังอย่าง Sexand the City ที่ตบเท้าเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบ<br /><span style="color: #3366ff;"> "เมื่อคนจริงต้องพบกับความล้มเหลว เขามักจะถอยกลับไปก้าวหนึ่งและพร้อมที่จะเริ่มเดินหน้าใหม่อีกครั้ง" </span></span><br />
<strong><br /><span style="color: #ff6600; font-size: 100%;">2. วินสตัน เชอร์ชิลล์</span></strong><br /><span style="font-size: 100%;">อดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่นี้ ถึง 2 สมัย เขาเป็นทั้งนักพูด ผู้นำทางการทหาร นักประวัติศาสตร์ นักเขียนรางวัลโนเบลจากงานเขียนเรื่อง The Second World War และ A Historyof the English-Speaking Peoples<br /><span style="color: #3366ff;"> "ความสำเร็จประกอบด้วยความผิดพลั้งหลายๆ ครั้งมารวมกันโดยที่ความกระตือรือร้นที่หวังจะพบกับชัยชนะนั้นยังคงอยู่"</span></span><br />
<strong><br /><span style="color: #ff6600; font-size: 100%;">3. เคท แบลนเช็ตต์</span></strong><br /><span style="font-size: 100%;">ผู้กำกับละ</span><span style="font-size: 100%;">ครเวทีและนักแสดงผู้คว้ารางวัลออสการ์ในปี 2004 จากภาพยนตร์เรื่องThe Aviator<br /><span style="color: #3366ff;">"ถ้าคุณรู้ว่า ตัวเองกำลังจะล้มลงหรือแพ้ ทำยังไงก็ได้ให้ล้มลงอย่างสง่าที่สุด"</span></span><br />
<strong><br /><span style="color: #ff6600; font-size: 100%;">4. มาเรีย ชาราโปวา</span></strong><br /><span style="font-size: 100%;">นักเทนนิสระดับโลกผู้คว้ารางวัลแกรนด์สแลมมาแล้วถึง 3 ครั้ง แถมยังสร้างปรากฏการณ์ให้โลกตะลึง เมื่อเธอสามารถเอาชนะคู่แข่งตัวฉกาจอย่างเซเรนา วิลเลียมส์ ในการแข่งขันวิมเบิลดันรอบสุดท้ายขณะที่มีอายุ 17 ปีเท่านั้น<br /><span style="color: #3366ff;">"ฉันไม่พยายามที่จะทำตัวให้เก่งเหมือนนักเทนนิสคนอื่นๆ ในการแข่งขันฉันฝึกซ้อมตามตารางและพยายามทำในสิ่งที่ฉันทำเป็นปกติ ไม่เคยคิดที่จะแข่งกับใครนอกจากแข่งกับตัวเอง"</span></span><br />
<strong><br /><span style="font-size: 100%;"><span style="color: #ff6600;">5. คาลวิน ไคลน์</span></span></strong><span style="font-size: 100%;">ดีไซเนอร์แบรนด์เก๋และหรูจากอเมริกาผู้ได้รับการยกย่องจาก Vogue ให้เป็นผู้นำในเรื่องความมีรสนิยมด้านการออกแบบที่เรียบแต่โก้ในแบบมินิมัล ในปี 1969<br /><span style="color: #3366ff;"> "ผมไม่ลุ่มหลงไปกับคำว่า "ชัยชนะ" มากเกินไป บางทีสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จ"</span></span><br />
<strong></strong><br />
<a name='more'></a><strong><span style="color: #ff6600; font-size: 100%;">6. โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี</span></strong><br /><span style="font-size: 100%;">น้องชายของอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี เขาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ แถมยังเป็นวุฒิสมาชิกในปี 1965 - 1968 และทำคุณประโยชน์มากมาย จนในที่สุดในปี 1998 จอร์ช ดับเบิลยู. บุช ก็ได้ยกย่องให้เขาเป็นบุคคลสำคัญจากการร่างสิทธิมนุษยชนเพื่อปกป้องคนผิวสี ดังนั้นเราจะสังเกตเห็นรูปหน้าของเขาทางด้านหลังของเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯรุ่น พิเศษเพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณความดีที่เขาทำเพื่อประเทศ<br /><span style="color: #3366ff;"> "คนที่ไม่หวั่นต่อความผิดหวังคือคนที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่"</span></span><strong><br /><span style="color: #ff6600; font-size: 100%;">7. บิล เกตส์</span></strong><br /><span style="font-size: 100%;">นัก ธุรกิจที่รวยเป็นอันดับ 3 ของโลกในปี 2008 ก่อนที่จะมาเป็นซีอีโอ</span><a href="http://2.bp.blogspot.com/_u_9qqICuuEE/TBsG0wjtXiI/AAAAAAAAAC4/c-bpbqVO-kg/s1600/001.jpg" onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}"><img alt="" border="0" src="http://2.bp.blogspot.com/_u_9qqICuuEE/TBsG0wjtXiI/AAAAAAAAAC4/c-bpbqVO-kg/s320/001.jpg" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5483984474711350818" style="cursor: pointer; float: right; height: 320px; margin: 0pt 0pt 10px 10px; width: 204px;" /></a><span style="font-size: 100%;">ของบริษัทผลิตโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชั้นนำอย่างไมโคร ซอฟต์ เขาเคยเขียนโปรแกรมเกมโอเอกซ์ใส่ไว้ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ครั้งแรกเมื่ออายุ 13 ปี<br /><span style="color: #3366ff;"> "ถ้าคุณไม่สามารถทำอะไรก็ตามให้ดีได้ ก็จงพยายามทำให้มันดูดีที่สุด"</span></span><br />
<span style="font-size: 100%;"><strong><span style="color: #ff6600;">8. คอนราด ฮิลตัน</span></strong>นัก ธุรกิจชาวอเมริกันและผู้ก่อตั้งโรงแรมฮิลตันอันลือเลื่อง คุณปู่ของดาราสาวสุดเผ็ดอย่างปารีสและนิกกี้ ฮิลตัน<br /> <span style="color: #3366ff;"> "ความสำเร็จมักจะมาพร้อมกับคำว่าลงมือทำ คนที่ประสบความสำเร็จมักจะคิดนำผู้อื่นเสมอ พวกเขาอาจเคยทำพลาดบ้าง แต่ไม่เคยถอย"</span></span> <br />
<strong><br /><span style="color: #ff6600; font-size: 100%;">9. มารายห์ แครีย์</span></strong><br /><span style="font-size: 100%;">ดิว่า ชาวอเมริกันคนแรกที่มีเพลงฮิตติดอันดับหนึ่งในบิลบอร์ดชาร์ตถึง 5 เพลง แต่ถึงแม้ว่าช่วงปี 2000 เธออาจจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก ทั้งในการที่เธอหันมาจับงานเพลงแนวฮิปฮ็อป อีกทั้งหนังที่เธอเล่นก็<br />ล้ม ไม่เป็นท่า แต่ในที่สุดเธอก็กลับมาผงาดได้อีกครั้งกับอัลบั้มล่าสุดที่ชื่อว่า E=MC2<br /> <span style="color: #3366ff;">"อย่ายอมแพ้หรือหมดกำลังใจง่ายๆ เพียงเพราะไปฟังเสียงคนที่คอยวิพากษ์วิจารณ์คุณในแง่ลบให้เสียกำลังใจ"</span></span><br />
<strong><br /><span style="color: #ff6600; font-size: 100%;">10. เซอร์ริชาร์ด แบรนสัน</span></strong><br /><span style="font-size: 100%;">นักธุรกิจชาวอังกฤษที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุแค่ 16 ปีจากการก่อตั้งแมกกาซีนที่ชื่อว่า Student และเป็นเจ้าของแบรนด์ Virgin ที่มีสาขาทั่วโลกกว่า 360 บริษัท<br /> <span style="color: #3366ff;"> "โอกาสทางธุรกิจก็เหมือนกันกับการรอรถประจำทางนั่นแหละ พลาดคันนี้ก็มีคันหน้า"</span></span><br />
<strong><br /><span style="color: #ff6600; font-size: 100%;">11. สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง</span></strong><span style="font-size: 100%;">นักฟิสิกส์ระดับโลกชาวอังกฤษและยังเป็นอาจารย์คณิตศาสตร์ของมหาวิ ทยาลัยเคมบริดจ์ ผู้ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาแม้จะป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อลีบจนกระทั่งเดินไม่ได้ แต่ก็ยังคงเดินหน้า มุ่งมั่นและศึกษาในจักรวาลวิทยา และบทความเรื่องหลุมดำของเขาก็โด่งดังจนได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก<br /> <span style="color: #3366ff;"> "คุณเองก็ประสบความสำเร็จได้ ถ้าคุณไม่ยอมแพ้ซะก่อน"</span></span><br />
<strong><br /><span style="color: #ff6600; font-size: 100%;">12. นิโคล คิดแมน</span></strong><br />
<span style="font-size: 100%;">หนึ่งในดาราสาวที่มีค่าตัวสูงสุดในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ ฮอลลีวู้ด นอกจากนี้เธอยังเป็นทูตยูนิเซฟ นักร้อง (หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Moulin Rouge ออกฉาย)ในปี 2006 เธอได้รับการยกย่องจากรัฐบาลออสเตรเลียโดยได้รับรางวัล Companion of the Order of Australia ในฐานะที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศบ้านเกิด<br /><span style="color: #3366ff;"> "ฉันคิดว่าการที่คนเรารู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนกับคนที่เราร่วมงานด้วยเป็นสิ่ง ที่ดี บางทีเราก็ไม่จำเป็นต้องวางท่าสวย เชิด ตลอดเวลาก็ได้"</span></span>
<div style="text-align:center;margin-top:150px;">
<script async src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<ins class="adsbygoogle"
style="display:inline-block;width:300px;height:250px"
data-ad-client="ca-pub-4492326226649685"
data-ad-slot="4174800971"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>Win Winhttp://www.blogger.com/profile/05985590215298561678noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-78960735140720398762010-06-15T22:26:00.000+07:002014-09-25T02:46:55.599+07:00แพทย์แผน พุทธ 0 บาทรักษาทุกโรค ตอน 2<a href="http://4.bp.blogspot.com/_u_9qqICuuEE/TBg-zO4FmxI/AAAAAAAAACg/MzD9V2gr6WU/s1600/myinspriration002.png" onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}"><img alt="" border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/_u_9qqICuuEE/TBg-zO4FmxI/AAAAAAAAACg/MzD9V2gr6WU/s200/myinspriration002.png" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5483201596211174162" style="cursor: pointer; float: left; height: 182px; margin: 0pt 10px 10px 0pt; width: 200px;" /></a>มาแล้วครับ หมอเขียว ใจเพชร กล้าจน แพทย์แผนพุทธ 0 บาทรักษาทุกโรคตอนที่ 2 จากรายการ" <span style="font-weight: bold;">ค้นค้นคน</span> " ว่าด้วยวิธีการ รักษาโรคด้วยตัวเอง ตอนนี้พิเศษนะครับ สำหรับท่านที่สนใจสูตรหน้าเด้ง ด้วยตัวยาธรรมชาติ 0 บาทจริงๆ ครับ อีกทั้งยังมี วิธีถอนพิษต่างๆ ที่เป็นบ่อเกิดโรคภัยไข้เจ็บในร่างกายของเราด้วยวิธีการแพทย์แผนดั้งเดิมแบบต่างๆ น่าสนใจมากครับ ^ ^<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div style="text-align:center"><object width="500" height="375"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/93N8nGLBm48?version=3&hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/93N8nGLBm48?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br /><br />
<a name='more'></a>
<div style="text-align:center"><object width="500" height="375"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/_K78WafqNzs?hl=th_TH&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/_K78WafqNzs?hl=th_TH&version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br /><br />
<div style="text-align:center"><object width="500" height="375"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/0Wc4NkHC_wE?hl=th_TH&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/0Wc4NkHC_wE?hl=th_TH&version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br /><br />
<div style="text-align:center">
<object width="500" height="375"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/DquBN9ERL6s?hl=th_TH&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/DquBN9ERL6s?hl=th_TH&version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<div style="text-align:center;margin-top:150px;">
<script async src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<ins class="adsbygoogle"
style="display:inline-block;width:300px;height:250px"
data-ad-client="ca-pub-4492326226649685"
data-ad-slot="4174800971"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>Win Winhttp://www.blogger.com/profile/05985590215298561678noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-8084486337500782472010-06-12T19:47:00.000+07:002014-09-25T02:47:09.548+07:00เป๊กกี้ เรนต์ส เกษตรกรฝรั่งอยู่บนผืนแผ่นดินไทย<a href="http://3.bp.blogspot.com/_u_9qqICuuEE/TBODlwAOe4I/AAAAAAAAACY/0M9e_bZs02g/s1600/pekky.jpg" onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}"><img alt="" border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/_u_9qqICuuEE/TBODlwAOe4I/AAAAAAAAACY/0M9e_bZs02g/s200/pekky.jpg" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5481869856004275074" style="cursor: pointer; float: left; height: 136px; margin: 0pt 10px 10px 0pt; width: 200px;" /></a><span style="color: #003300; font-weight: bold;">เป๊กกี้ เรนต์ส(Peggy Reents)</span> กับวิถี ชีวิตแบบพอเพียงบนผืนแผ่นดินไทย เป๊กกี้ หญิงสาวชาวอเมริกัน ที่ขอเลือกมาใช้ชีวิตเป็นเกษตรกรฝรั่งอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ที่บ้านแม่โจ้ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และเป็นหนึ่งแรงแข็งขยันที่ร่วมสร้าง ชุมชนเล็กๆ แต่อบอุ่น ที่เรียกกันว่า " <span style="font-weight: bold;">พันพรรณ</span> "เธอได้พาเราไปสัมผัสกับการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง แสนสงบ และรู้จักพึ่งพาตนเอง ซึ่งเพียงแค่เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็ทำให้คนเราสามารถมีความ สุขอย่างแท้จริงได้ เป๊กกี้ เรนต์ส(Peggy Reents) ถือได้ว่าเป็นชาวต่างชาติคนหนึ่งที่เปรียบดังได้มาค้นพบ อัญมณีที่มีค่าในเมืองไทย อัญมณีที่คนไทยต่างลืมเลือนและไม่ได้สนใจกับสิ่งที่คนทั้งโลกต่างออกเดินทางแสวงหา แต่สำหรับคนไทยสิ่งเหล่านี้อยู่เพียงที่ปลายจมูกแค่นั้นเอง...<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<span style="color: #003300; font-weight: bold;">ฉันรักเมืองไทย</span><span style="color: #003300;"> เป๊กกี้ เรนต์ส เกษตรกรฝรั่งอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ช่วงที่ 1</span></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object width="500" height="375"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/8Ptg6-2P6WI?version=3&hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/8Ptg6-2P6WI?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br />
<a name='more'></a><br />
<div style="text-align: center;">
<span style="color: #003300; font-weight: bold;">ฉันรักเมืองไทย</span><span style="color: #003300;"> เป๊กกี้ เรนต์ส เกษตรกรฝรั่งอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ช่วงที่ 2</span></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object width="500" height="375"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/rh9lTWDO6i8?version=3&hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/rh9lTWDO6i8?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<span style="color: #003300; font-weight: bold;">ฉันรักเมืองไทย</span><span style="color: #003300;"> เป๊กกี้ เรนต์ส เกษตรกรฝรั่งอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ช่วงที่ 3</span></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object width="500" height="375"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/-U9XfhZAskA?hl=th_TH&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/-U9XfhZAskA?hl=th_TH&version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<span style="color: #003300; font-weight: bold;">ฉันรักเมืองไทย</span><span style="color: #003300;"> เป๊กกี้ เรนต์ส เกษตรกรฝรั่งอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ช่วงที่ 4</span></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object width="500" height="375"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/2CXoEAMAkJA?version=3&hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/2CXoEAMAkJA?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object></div>
<div style="text-align:center;margin-top:150px;">
<script async src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<ins class="adsbygoogle"
style="display:inline-block;width:300px;height:250px"
data-ad-client="ca-pub-4492326226649685"
data-ad-slot="4174800971"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>
Win Winhttp://www.blogger.com/profile/05985590215298561678noreply@blogger.com6tag:blogger.com,1999:blog-6776464133735467703.post-80408054834294626622010-06-08T13:10:00.000+07:002014-09-25T02:47:20.536+07:00แพทย์แผนพุทธ 0 บาทรักษาทุกโรค<strong>ศูนย์บาท รักษาทุกโรค</strong><strong> "หมอเขียว" ใจเพชร กล้าจน</strong><br />
ณ สวนป่านาบุญ อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร<br />
<br />
<a href="http://3.bp.blogspot.com/_u_9qqICuuEE/TA3hOiPlM7I/AAAAAAAAACQ/eUyF2KLRwVw/s1600/1_101.jpg" onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}"><img alt="" border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/_u_9qqICuuEE/TA3hOiPlM7I/AAAAAAAAACQ/eUyF2KLRwVw/s320/1_101.jpg" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5480283961406337970" style="cursor: pointer; float: left; height: 176px; margin: 0pt 10px 10px 0pt; width: 161px;" /></a>การที่ชายคนหนึ่งเปลี่ยนชื่อตนเองจาก<strong> "สำเริง มีทรัพย์" เป็น "ใจเพชร กล้าจน"</strong> ในทางหนึ่งเป็นความพยายามบอกกับทุกคนถึงสิ่งที่เขายึดเหนี่ยว<br />
<br />
จุดหมายชีวิตแท้จริงที่ชายผู้นี้ยึดถือ คือ ความพยายามช่วยเหลือให้เพื่อนมนุษย์ได้หายจากโรคภัย โดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท... ด้วยการรักษาแบบ <strong>"แพทย์วิถีพุทธ"</strong><br />
<br />
<strong> "หมอเขียว" หรือ ใจเพชร กล้าจน</strong> จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ เขาพยายามรักษาผู้ป่วยตามวิชาแพทย์ที่ได้ร่ำเรียนมาอย่างเต็มที่ แต่พอทำไปได้ชั่วระยะ คนเป็นหมอก็ต้องผจญกับคำถามในใจที่ไหนคำตอบกับตัวเองไม่ได้เสียที<br />
<br />
<strong> "ทำไมทุกคนยังป่วย ทั้งที่เครื่องมือแพทย์ทันสมัยขึ้น ทำไมรักษาไปแล้วแพงขึ้นทุกวัน ที่สำคัญเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกลับป่วยแซงหน้าชาวบ้านอีก"<br />
</strong><br />
<span style="color: maroon;"> ยิ่งคิด ก็ยิ่งงง เขาว่า ไม่เพียงเท่านั้น ตัวหมอเองที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือดและปวดข้อ ใช้ยาที่ดีที่สุดของโรงยาบาลรักษาแล้วแต่ก็ไม่หายความสงสัยนี้ทำให้หันกลับ มาศึกษาแพทย์ ทางเลือกและนำมาใช้ร่วมกับแผนปัจจุบันผลปรากฏว่าคนไข้หายเพิ่มขึ้นเกือบเท่า ตัว แต่นับแล้วก็ยังได้แค่ 40 เปอร์เซ็นต์ของคนไข้ทั้งหมด ซึ่งทำให้หมอเขียวยังคาใจต่ออีกว่า ทำไมอีก 60 เปอร์เซ็นต์ รักษาไม่ได้ คนที่รักษาได้ก็กลับมาเป็นใหม่ หรือการแพทย์ที่ทำอยู่จะมาผิดทาง หมอเขียวเครียดกับเรื่องนี้มากจนต้องไปปฏิบัติธรรม แต่พอได้อ่านพระไตรปิฎกก็พบว่า คำตอบทั้งหมดอยู่ในนี้แล้ว<br />
</span><br />
หนึ่งในคำสอนที่นำมาพิจารณา คือ เรื่องสังคีติสูตร หมอเขียวคิดไปถึงเรื่องสมดุลของร่างกาย เรื่องปรับร้อน-ปรับเย็น ซึ่งมีในศาสตร์แพทย์แผนไทยอยู่แล้ว เพียงแต่ยังใช้ไม่ได้ผลดี เพราะมัวแต่ปฏิบัติตามตำราซึ่งเขียนในสมัยโบราณ ในขณะที่โลกปัจจุบันร้อนขึ้น การปรับร้อน-เย็นจึงต้องเปลี่ยนตามโลก เพื่อให้เกิดสมดุลที่แท้จริง<br />
<br />
หมอเขียวลองรักษาโดยวิเคราะห์ ธาตุร้อน - เย็น ด้วยตนเอง ให้ยาฤทธิ์เย็นมากขึ้นตามโลกที่ร้อนขึ้น เริ่มจากรักษาแม่ที่ปวดมดลูกให้หายได้ ทั้งที่แพทย์ปัจจุบันหาสาเหตุไม่พบ จากนั้นก็ใช้แนวทางดังกล่าวไปรักษาโรคมะเร็ง โรคไต โรคความดัน และบันทึกการรักษาทุกครั้ง ผลปรากฏว่าคนไข้ร้อยละ 90 อาการทุเลา รู้สึกสบายขึ้น เมื่อค้นพบว่าการรักษาที่ได้ผลจริงนั้น พระพุทธเจ้าได้สอนไว้หมดแล้ว หมอจึงประมวลความรู้ทั้งหมด และเรียกชื่อว่า "การแพทย์วิถีพุทธ"<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
ใจความของการแพทย์แผนนี้ คือ ใช้คำสอนของพระพุทธเจ่าเป็นแก่นแกน นำจุดดีของการแพทย์ต่าง ๆ มารวมกัน โดยมีธรรมะเป็นตัวเชื่อมประสานบูรณาการ โดยมีหลักการ 3 ข้อ คือ ใช้สิ่งที่ประหยัดและเรียบง่าย มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา เพราะแก้ที่ต้นเหตุ และแต่ละคนทำเองได้ ไม่ต้องให้หมอรักษา แต่รักษาตัวเอง<br />
<br />
<span style="color: navy;"> ยา 9 เม็ดที่หมอเขียวใช้รักษาก็ไม่มีราคาค่างวด เพราะเป็นหลักปฏิบัติ 9 ประการที่ทำได้เอง ได้แก่ รับประทานสมุนไพรปรับสมดุล แช่มือเท้าในน้ำสมุนไพร รับประทานอาหารปรับสมดุล ใช้ธรรมะคลายเครียด ออกกำลังกายกดจุดลมปราณรู้จักเพียรและพักให้พอดี ทำกัวซา ดีทอกซ์ และพอก ทา หยอด ประคบ อบ อาบ ด้วยสมุนไพรที่ถูกกัน เมื่อไม่ต้องเสียค่ายาแพง ๆ หรือเสียค่าหมอ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า<strong> "ศูนย์บาท รักษาทุกโรค"</strong><br />
</span><br />
นอกจากเหนือจากมิติทางสุขภาพ หมอเขียวยังให้ความสำคัญกับวิถีชีวิตแบบพุทธอย่างครบวงจร ดังที่ได้สละพื้นที่กว่า 40 ไร่ เพื่อตั้ง "สวนป่านาบุญ" ซึ่งเป็นศูนย์เศรษฐกิจพอเพียง ใช้ปลูกข้าว ผัก พืชสมุนไพร เพื่อเตรียมความพร้อมในการพึ่งพาตนเองก่อนที่ต่อมาจะเปิดเป็นศูนย์สุขภาพให้ ผู้คนเข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้เรื่องการใช้ชีวิตตามแนววิถีพุทธอีกด้วย<br />
<span style="font-weight: bold;"> ความตั้งใจทั้งหมดของหมอเขียว ไม่เพียงทำให้หลาย ๆ คนได้เห็นว่า ชีวิตที่ดี ไม่มีโรคภัย ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากๆ ไปแลกหาจากการแพทย์สมัยใหม่ หากแต่ยังมีนัยไปถึงวิถีพุทธ วิถีไทย ในแบบที่เราเป็นนั่นเอง ที่เพียงพอแล้วสำหรับความสุข</span>
<br />
<span style="font-weight: bold;"><br /></span>
<span style="font-weight: bold;"><br /></span>
<div style="color: #006600; text-align: center;">
<span style="font-weight: bold;">คนค้นฅน หมอเขียว 0 บาทรักษาทุกโรค ช่วงที่ 1 </span>( วันที่ 01 มิถุนายน 2553 )
<br />
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<object width="500" height="375"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/pPntn8T68Bw?hl=th_TH&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/pPntn8T68Bw?hl=th_TH&version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
</div>
<span style="color: #006600; font-weight: bold;"><br /></span>
<div style="text-align: center;">
<span style="color: #006600; font-weight: bold;">คนค้นฅน หมอเขียว 0 บาทรักษาทุกโรค ช่วงที่ 2 </span><span style="color: #006600;">(วันที่ 01 มิถุนายน 2553</span></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<object width="500" height="375"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/IlLBo6etme4?hl=th_TH&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/IlLBo6etme4?hl=th_TH&version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
</div>
<div style="text-align: center;">
<span style="color: #006600; font-weight: bold;"><br /></span>
<span style="color: #006600; font-weight: bold;">คนค้นฅน หมอเขียว 0 บาทรักษาทุกโรค ช่วงที่ 3 </span><span style="color: #006600;">(วันที่ 01 มิถุนายน 2553)</span><br />
<span style="color: #006600;"><br /></span></div>
<div style="text-align: center;">
<object width="500" height="375"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/5Omta8GJuok?hl=th_TH&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/5Omta8GJuok?hl=th_TH&version=3" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
</div>
<div style="text-align: center;">
<span style="color: #006600; font-weight: bold;"><br /></span>
<span style="color: #006600; font-weight: bold;">คนค้นฅน หมอเขียว 0 บาทรักษาทุกโรค ช่วงที่ 4 </span><span style="color: #006600;">(วันที่ 01 มิถุนายน 2553)</span><br />
<span style="color: #006600;"><br /></span></div>
<div style="text-align: center;">
<object width="500" height="375"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/tt1IKokpw3U?version=3&hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/tt1IKokpw3U?version=3&hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="500" height="375" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
</div>
<br />
อาหาร อากาศ อารมณ์ บ่อเกิดแห่งโรคภัยไข้เจ็บ หากเรียนรู้ที่จะปรับให้เป็นประัโยชน์สูงสุดต่อร่างกาย นั่นหมาย ถึงว่าสุขภาพร่างกายของเราย่อมแข็งแรงและต่อสู้เอาชนะโรคภัยไข้เจ็บได้เอง
<br />
<div style="text-align: center;">
<span style="font-weight: bold;">" อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สิยา</span>
<span style="font-weight: bold;">อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ. </span>"
<br />
<div style="text-align: left;">
ตนแลเป็นที่พึ่งของตน, บุคคลอื่นใครเล่า พึงเป็นที่พึ่งได้ เพราะบุคคล มีตนฝึกฝน ดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่ง อันบุคคลได้โดยยาก.</div>
</div>
<div style="text-align:center;margin-top:150px;">
<script async src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Left Top-300x250 -->
<ins class="adsbygoogle"
style="display:inline-block;width:300px;height:250px"
data-ad-client="ca-pub-4492326226649685"
data-ad-slot="4174800971"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</div>Win Winhttp://www.blogger.com/profile/05985590215298561678noreply@blogger.com1